
ปี 2568 แอปพลิเคชันของธนาคารหลายแห่งเกิดปัญหาระบบล่มหรือขัดข้อง โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และจากการเฝ้าระวังของสภาผู้บริโภค ระบุว่าธนาคารที่ระบบขัดข้องที่สุดขณะนี้ คือ ธนาคารกรุงเทพ ที่แม้ธนาคารจะประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาแล้วตั้งแต่เวลา 14.00 น. ของวันที่ 2 กันยายน 2568 แต่ยังมีผู้บริโภคหลายรายยังพบปัญหาเงินไม่กลับคืนเข้าบัญชีธนาคารหรือบางรายได้เงินคืนกลับมาแต่ไม่ครบตามที่หายไป ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นนานกว่า 4 วัน
ขณะที่ธนาคารอื่น ๆ ก็พบปัญหาระบบขัดข้องเช่นกัน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ที่ระบบล่มประมาณ 3 ชั่วโมง จำนวน 2 ครั้ง, ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบบล่มประมาณ 1 ชั่วโมง จำนวน 2 ครั้ง, ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ระบบล่ม 3 ชั่วโมง 57 นาที จำนวน 2 ครั้ง, ธนาคารไทยเครดิต ระบบล่ม 1 ชั่วโมง 48 นาที จำนวน 1 ครั้ง, และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMB) ระบบล่มเกือบ 3 ชั่วโมง จำนวน 3 ครั้ง
ธนาคาร | รวมระยะเวลาที่ล่ม | จำนวนครั้ง |
ธ.กรุงไทย | ประมาณ 3 ชม. | 2 |
CIMB | เกือบ 3 ชม. | 3 |
ธ.ไทยพาณิชย์ | ประมาณ 1 ชม. | 2 |
TTB | 3 ชม. 57 นาที | 2 |
ธ.ไทยเครดิต เพื่อรายย่อย | 1 ชม. 48 นาที | 1 |
ธ.กรุงเทพ | 4 วัน กว่า ๆ | 1 |
เมื่อแอปฯ ล่ม เราทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อระบบธนาคารล่ม ผู้ใช้งานจะไม่สามารถทำธุรกรรมสำคัญได้ ทั้งการโอนเงินที่ทำไม่ได้ ธุรกรรมสำคัญสะดุด และบางกรณีร้ายแรงถึงขั้นเงินในบัญชีหายไป ปัญหานี้สร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับผู้บริโภค เนื่องจากธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบันส่วนใหญ่ทำผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งหากระบบล่มก็เท่ากับว่าผู้บริโภคไม่สามารถจัดการเรื่องการเงินได้
ใครจะรับผิดชอบหากผู้บริโภคได้รับความเสียหาย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารต้องดูแลระบบ Mobile Banking ไม่ให้หยุดชะงักเกิน 8 ชั่วโมงต่อปี หากธนาคารใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 500,000 บาทต่อครั้ง และปรับเพิ่มอีกวันละ 5,000 บาท หากยังไม่ดำเนินการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคมีความเห็นว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และเรียกร้องให้มีกฎหมายที่เด็ดขาดกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีที่ระบบล่มแล้วเงินในบัญชีหาย ซึ่งธนาคารต้องรับผิดชอบเยียวยาผู้เสียหายเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นความบกพร่องของระบบในระหว่างที่แอปฯ ล่ม
คำแนะนำสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ
หากผู้บริโภคเป็นหนึ่งในลูกค้าของธนาคารกรุงเทพที่ยังพบปัญหาเงินในบัญชีหายหรือไม่แน่ใจว่ายอดเงินครบถ้วนหรือไม่ ควรรีบนำสมุดบัญชีไปตรวจสอบยอดเงินที่สาขาธนาคารกรุงเทพที่ใกล้ที่สุด และหากพบว่ายอดเงินหายไปจริง ควรทำหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อแจ้งให้ธนาคารกรุงเทพทราบถึงผลกระทบที่ได้รับจากกรณีนี้ เพื่อเป็นหลักฐานและผลักดันมาตรการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งสามารถร้องเรียนปัญหาดังกล่าวได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือ เว็บไซต์สภาผู้บริโภค เพื่อให้สภาผู้บริโภครวบรวมข้อมูลในการช่วยเหลือและผลักดันนโยบาย รวมถึงสามารถติดต่อธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อมูลทั่วไป หรือแจ้งปัญหาการใช้บริการทางการเงิน ผ่านหมายเลข 1213
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ป่วน! แอปธนาคารกรุงเทพล่ม ยอดหาย-ติดลบ จี้เยียวยา ธปท.ตรวจสอบ
- อย่านิ่งนอนใจ หลังแอป ธนาคารกรุงเทพ ใช้ได้แล้ว ก็ควรนำสมุดเช็กยอดเงิน 1-2 ก.ย.
