
สภาผู้บริโภคเผยความเดือดร้อนของผู้บริโภคไทย ร้องเรียนปี 2568 พุ่งถึง 23,703 เรื่อง สร้างมูลค่าความเสียหายก่อนเยียวยา 4,744 ล้านบาท ปัญหาใหญ่ที่ผู้บริโภคกระทบมากสุดมาจากสินค้าชำรุดบกพร่อง สายสื่อสารห้อยกีดขวางหรือหลุดร่วง และเรียกเก็บค่าทวงหนี้
สภาผู้บริโภค เผยภาพรวมสถานการณ์ปัญหาผู้บริโภคปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) พบว่าผู้บริโภคเข้ามาร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 23,703 เรื่อง สร้างมูลค่าความเสียหายก่อนการเยียวยากว่า 4,744 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความเดือดร้อนของที่ผู้บริโภคไทยที่กำลังเผชิญจากสินค้าและบริการอยู่ในระดับสูง แฝงด้วยภัยจากมิจฉาชีพที่พร้อมหลอกลวงผู้บริโภคตลอดเวลา รวมถึงยังถูกซ้ำเติมจากปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเข้ามากระทบต่อการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้ปัญหาที่ผู้บริโภคมีการร้องเรียนเข้ามามากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สินค้าชำรุดบกพร่อง/ได้รับความเสียหาย จำนวน 4,126 เรื่อง อันดับสอง สายสื่อสารห้อยกีดขวางหรือหลุดร่วงไม่ปลอดภัย จำนวน 1,662 อันดับสาม เผชิญปัญหาในเรื่องข้อความ (SMS) หลอกลวง/กวนใจ จำนวน 1,279 เรื่อง อันดับสี่ ไม่ได้รับสินค้าบริการ/ไม่คืนเงิน จำนวน 1,039 เรื่อง และอันดับห้า เรื่องบริการไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 848 เรื่อง
ทั้งนี้ผลการช่วยเหลือและเยียวยา สภาผู้บริโภคสามารถดำเนินการร่วมเจรจา ไกล่และเกลี่ย ทำให้สามารถยุติปัญหาได้ถึง 81.30 % หรือจำนวน 19,270 เรื่อง ส่งผลให้มูลค่าความเสียหายลดลงจาก 4,744 ล้านบาท ภายหลังลดลงเหลือเพียง 174 ล้านบาท ดังนั้นผู้บริโภคจึงสามารถลดความเสียหายรวมกว่า 4,570 ล้านบาท โดยปัญหาสินค้าและบริการทั่วไป เป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดที่สามารถเจรจาและยุติปัญหาให้แก่ผู้บริโภคได้โดยเร็ว
ผู้บริโภคประสบเรื่องสินค้าชำรุดบกพร่องมากสุด
ทั้งนี้ปัญหาหลักที่ผู้บริโภคมีการร้องเรียนมากสุดในปี 2568 มี 3 หมวดหลักได้แก่ ปัญหาใหญ่กลุ่มแรกในกลุ่มสินค้าและบริการทั่วไป ร้องเรียนสูงสุด 9,817 เรื่อง คิดเป็นสัดส่วน 41% โดยมีทั้งปัญหาสินค้าชำรุดบกพร่อง 4,059 เรื่อง ทั้งการประสบปัญหาในเรื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นซัมซุงเกิดจอขึ้นเส้นแนวตั้ง ต่อมากลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า มีทั้งเนต้าและบีวายดีที่ชำรุดบกพร่องแล้วไม่มีศูนย์บริการให้ซ่อมแซมหรือไม่เพียงพอกับการให้บริการผู้บริโภค ต่อมาการไม่ได้รับสินค้าบริการ/ไม่คืนเงิน จำนวน 1,036 เรื่อง มาจากกลุ่มบริการบันเทิงและดนตรี ทั้งการไม่จัดคอนเสิร์ตตามสัญญา แล้วไม่คืนเงินหรือจ่ายค่าความเสียหายให้กับผู้บริโภค รวมถึงปัญหาการซื้อสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ได้รับสินค้าและไม่คืนเงิน
นอกจากนี้กลุ่มสินค้ายังประสบปัญหาในเรื่องการส่งมอบผิดจากที่สั่ง/ตกลง หรือไม่ตรงปก จำนวน 794 เรื่อง โดยผู้บริโภคเจอปัญหาทั้งกลุ่มซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ เช่น ซื้อเสื้อหรือกางเกงในเพจเฟซบุ๊ก แต่ได้รับสินค้าผิดไซส์หรือสีไม่ตรงตามที่สั่ง หรือสั่งซื้อต้นไม้/ผลไม้ แต่หลังได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งซื้อหรือไม่นำส่งสินค้าตามที่ตกลง เป็นต้น
กลุ่มสายสื่อสารเผชิญความเสี่ยงในสายห้อยกีดขวางมากสุด
ประการต่อมาปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนมากสุดกลุ่มสายสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีจำนวนรวม 4,495 เรื่อง โดยมีปัญหาสายสื่อสารห้อยกีดขวางหรือหลุดร่วงมากที่สุด จำนวน 1,662 เรื่อง เช่น สายสื่อสารที่ห้อยรุงรังในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ กทม. ไม่ถูกเก็บให้เรียบร้อย ทำให้ผู้บริโภคโดนสายสื่อสารที่ห้อยกีดขวางขณะโดยสารผ่านเส้นทางจนเกิดอุบัติเหตุ
ต่อมาปัญหาเรื่องข้อความ (SMS) มีทั้งเจอปัญหาเรื่องถูกข้อความหลอกลวง/กวนใจ จำนวน 1,279 เรื่อง เช่น การส่งข้อความชักชวนให้กดรับสิทธิ์ต่างๆ หรือส่งข้อความชักชวนลงทุน ชักชวนเล่นการพนัน อีกทั้งมีปัญหาเบอร์โทรหลอกให้โอนเงิน จำนวน 372 เรื่อง เช่น การโทรหลอกให้โอนเงิน หรือโทรอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ, เจ้าหน้าที่ธนาคาร, เจ้าหน้าที่ที่ดิน หลอกให้โอนเงิน หรือกดลิงห์จนทำให้สูญเงินจำนวนหลายราย
ภัยการเงินถูกเก็บทวงหนี้ไม่เป็นธรรมมากสุด
สำหรับปัญหาของผู้บริโภคเรื่องสุดท้ายมีการเรื่องร้องเรียนเรื่องการเงินและการธนาคาร จำนวน 4,375 เรื่อง ปัญหาที่ผู้บริโภคประสบมากสุด เป็นการเรียกเก็บค่าทวงหนี้ไม่เป็นธรรม/เกินจริง จำนวน 626 เรื่อง เช่น การถูกเรียกเก็บค่าบริการทวงหนี้จากการกู้เงินผ่านแอปเงินกู้ หรือหนี้นอกระบบ ต่อมาประสบปัญหาถูกทวงหนี้วันละหลายครั้ง ข่มขู่ทำให้กลัว จำนวน 521 เรื่อง เช่น ปัญหากู้เงินผ่านแอปเงินกู้ จะถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเพื่อทวงหนี้ โดยทวงหนี้แบบข่มขู่ทำให้กลัว อับอาย หรือทวงหนี้กับญาติพี่น้อง
รวมถึงการถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดกฎหมาย จำนวน 499 เรื่อง เช่น แอปเงินกู้ที่หักดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับเงินกู้เต็มตามจำนวนที่กู้ รวมถึงเมื่อมีการจ่ายหนี้คืนมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม
ทางด้านช่องทางในการติดต่อหรือช่องทางที่ผู้บริโภคร้องเรียนมีมากสุด 3 อันดับ มาจากทั้ง เว็บไซต์จำนวน 10,405 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วน 43.9% รองลงมา โทรศัพท์ จำนวน 3,966 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วน 16.73% และอันดับสาม องค์กรรับเรื่องร้องเรียน จำนวน 2,984 ครั้ง หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.59%
หน่วยงานประจำจังหวัดเร่งช่วยเหลือผู้บริโภคทำให้ได้ข้อยุติเรื่องพุ่งสูด
ทางด้านหน่วยงานเครือข่ายโดย หน่วยงานประจำจังหวัด สามารถรับเรื่องร้องเรียนมากถึง 13,913 เรื่อง และยุติได้ 11,488 เรื่อง ส่วนศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค โดยได้ดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนจำนวน 9,790 และสามารถยุติได้ 7,780 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าหน่วยประจำจังหวัดเป็นกลไกหลักในการเข้าถึงผู้บริโภคในระดับพื้นที่ พร้อมร่วมมือสร้างระบบเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคยังเดินหน้าทำงานเชิงรุกในหลายด้าน ทั้งการขับเคลื่อนด้านสื่อสาร ได้เร่งผลักดันมาตรการจัดระเบียบสายสื่อสารและการเฝ้าระวังข้อความ (SMS) ที่หลอกลวง ทางด้านนโยบายขนส่งได้เรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าขนส่งสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้ และสนับสนุนนโยบาย ตั๋วร่วม เพื่อลดภาระค่าครองชีพ รวมถึงด้านบริการสุขภาพ ได้มีการเสนอให้มีการกำหนด ราคากลาง สำหรับค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน และเรียกร้องให้ควบคุมค่าธรรมเนียมแพทย์ โดยพบว่าค่าบริการวิชาชีพ หรือค่าแพทย์ มีสัดส่วนสูงที่สุด ในค่าใช้จ่ายทางการแพทย์
สำหรับข้อเสนอข้อเสนอเพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น จึงได้ผลักดันทั้งการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ได้มุ่งเน้นไปยังด้านที่มีมูลค่าความเสียหายสูงและปัญหาที่แสดงถึงการเอาเปรียบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มการเงินฯ และสินค้าและบริการทั่วไป ต่อมาการสนับสนุนการทำงานเชิงนโยบายเชิงรุก ของสภาผู้บริโภคในการผลักดันประเด็นสำคัญ เช่น การกำกับดูแลราคาสินค้า/บริการสุขภาพ และการปรับปรุงคุณภาพ/ความปลอดภัยในโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร รวมถึงสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร แก่หน่วยประจำจังหวัดฝ่ายรับเรื่องร้องเรียน อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการเข้าถึงและยุติปัญหาในระดับภูมิภาค เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาแก่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค ในปี 2568 ที่มีจำนวน 23,703 เรื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 ที่สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 17,028 เรื่อง สะท้อนถึงความเดือดร้อนของผู้บริโภคที่ต้องการให้ร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมถึงปัญหาของผู้บริโภคในด้านต่างๆ ยังไม่ได้ลดน้อยลง อีกทั้งมีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง



