เสียงสะท้อนประชาชนเดือดร้อนจากมาตรการสกัดบัญชีม้า

เสียงสะท้อนประชาชนจากมาตรการสกัดบัญชีม้า

พ.ร.ก.ไซเบอร์ฯ ฉบับใหม่ ให้อำนาจธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอายัดธุรกรรมหรือระงับบัญชีชั่วคราว เมื่อพบพฤติกรรมต้องสงสัย เพื่อหยุดการไหลเวียนของเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและอาชญากรรมออนไลน์ กฎหมายนี้ถูกมองว่าเป็นมาตรการเชิงรุกที่ช่วยคุ้มครองผู้บริโภคจากภัยไซเบอร์ได้จริง แต่ในทางปฏิบัติยังพบว่าบัญชีม้ายังคงอาละวาด เมื่อควบคุมบัญชีม้าไม่ได้จริง แต่การควบคุมนั้นกลับส่งผลกระทบกับประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์จำนวนไม่น้อยต้องกลับกลายเป็นผู้ถูกสงสัย เมื่อบัญชีของพวกเขาถูกเอี่ยวไปกับบัญชีม้า เสียงสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนคือผลลัพธ์ของมาตรการนี้

ผู้บริโภคถูกอายัดบัญชีมานานแล้ว

หลายคนอาจคิดว่าการอายัดบัญชีที่เกิดขึ้นช่วงนี้เป็นมาตรการใหม่ที่เพิ่งนำมาใช้ทางการ แต่ความเป็นจริงคือผู้บริโภคบางกลุ่มต้องใช้ชีวิตท่ามกลางข้อจำกัดทางการเงินจากการระงับบัญชีถูกอายัดบัญชีมานานหลายเดือนแล้ว กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบสะท้อนว่าแม้มาตรการตั้งใจจะจัดการบัญชีม้า แต่ผลที่ตามมาคือผู้บริสุทธิ์ถูกผูกมัดโดยไม่ได้สมัครใจ โดยสภาผู้บริโภคได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงพบประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลากหลายกรณี

ทั้งนี้กรณีผู้กู้เงินจากแอปพลิเคชันเถื่อนคือหนึ่งในตัวอย่างชัดเจน โดย “ผู้บริโภค” ที่เข้ามาร้องเรียนกับสภาผู้บริโภคเพียงกู้เงินเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของแอปฯ คือเครือข่ายฟอกเงิน ทุกครั้งที่รับเงินกู้และโอนคืน เงินถูกส่งต่อไปยังบัญชีอื่น ๆ และเมื่อมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน บัญชีของผู้บริโภครายนี้จึงถูกตีความว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผิดกฎหมายโดยอัตโนมัติ แม้จะยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การปลดอายัดก็ยังไม่ง่าย เพราะระบบพิจารณาเริ่มต้นจากเส้นทางการเงิน มากกว่าความจริงที่เจ้าของบัญชีอธิบาย

ขณะที่ “ครูหญิง” คนหนึ่งในจังหวัดระยอง ต้องเผชิญกับการถูกอายัดบัญชีธนาคารทั้ง 4 เล่มต่อเนื่องถึง 9 เดือน แม้จะได้คืนเงินที่มีคนโอนผิดให้เจ้าของครบถ้วน และมีเอกสารจากตำรวจยืนยันว่าทำเรื่องถอนอายัดแล้ว แต่ความเป็นจริงคือบัญชีทั้งหมดของครูรายนี้ยังคงถูกปิดกั้น และธุรกรรมไม่สามารถทำได้เลย

นอกจากนี้ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ครูรายนี้ต้องเดินทางไปธนาคารหลายครั้ง พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และกลับมาด้วยคำตอบที่ไม่เปลี่ยนแปลง ความกังวลเพิ่มขึ้นทุกเดือนเมื่อภาระหน้าที่ไม่หยุดเดิน ทั้งการต้องเลี้ยงลูกและดูแลครอบครัว แต่บัญชียังคงปิดตาย เสียงดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องระหว่างเจตนารมณ์ของกฎหมายกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกับผู้บริสุทธิ์

มหากาพย์อายัด – ปลดอายัด ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ส่วน “ผู้ค้ารายย่อย” ในกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับการอายัดบัญชีหลายรอบ ทั้งในธนาคารกสิกรไทย ทีทีบี กรุงไทย ออมสิน กรุงศรีอยุธยา กรุงเทพ และอีกหลายแห่ง รวมแล้วกว่า 8 บัญชี เส้นทางการปลดอายัดเต็มไปด้วยการยื่นเอกสาร เช่น ทะเบียนพาณิชย์ ใบเสียภาษี และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Bank Statement) ซึ่งแต่ละธนาคารมีเงื่อนไขต่างกัน บางแห่งปลดให้ในไม่กี่ชั่วโมง บางแห่งขอข้อมูลเพิ่ม บางแห่งบังคับให้ปิดบัญชี

ทั้งนี้แม้จะปลดอายัดได้ แต่ไม่กี่วันต่อมาก็มีข้อความแจ้งว่า “บัญชีถูกอายัดอีกครั้ง” การวิ่งรอกธนาคารกลายเป็นกิจวัตรที่ต้องทำควบคู่กับการค้าขาย ผู้ประกอบการรายนี้เล่าว่า แม้จะเป็นลูกค้าธนาคารมานานเกือบ 20 ปี แต่เพียงเพราะระบบจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง การเข้าถึงเงินและธุรกรรมทางธุรกิจกลับถูกจำกัดทันที

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของมาตรการที่ออกมาเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อการสื่อสารไม่ชัดเจนและกระบวนการตรวจสอบไม่ทันต่อชีวิตจริง ผู้บริสุทธิ์ก็ต้องเสียเวลา สูญเสียโอกาส และหมดแรงใจไปกับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

อีกหนึ่งกรณีที่พบในราชบุรี “แม่ยายของพ่อค้าขายยางรถยนต์” พบว่าบัญชีธนาคารถูกอายัด แต่ยอดเงินในบัญชีกลับแสดงเป็นติดลบกว่า 74,000 บาท ทั้งที่บัญชีนี้แทบไม่มีธุรกรรม มีเพียงการโอนจ่ายค่าไฟ และตัดบัตรเครดิตเป็นครั้งคราว

ครอบครัวตกใจและสับสนทันทีว่า เหตุใดบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมจึงกลายเป็นหนี้ธนาคาร และจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ เมื่อสอบถามธนาคารกลับไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ทำให้ความไม่มั่นใจในระบบการเงินเพิ่มขึ้น ผู้เป็นลูกเขยถึงกับโพสต์ว่า “ธนาคารไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป”

เหตุการณ์นี้ทำให้ครอบครัวต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงิน ถอนเงินสดออกมาเก็บไว้แทนการฝากธนาคาร แต่ความกังวลก็ยังคงอยู่ เพราะไม่รู้ว่าการอายัดเช่นนี้อาจเกิดขึ้นกับบัญชีใดในบ้านอีก เสียงสะท้อนนี้จึงชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่ลึกซึ้งต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อระบบธนาคาร

พ.ร.ก.ไซเบอร์ฯ กับเป้าหมายจัดการ “บัญชีม้า”

ผลสะท้อนจากการเกิดอายัดบัญชีภาคประชาชนมาจากพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ฉบับใหม่ ให้อำนาจธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอายัดธุรกรรมหรือระงับบัญชีชั่วคราว เมื่อพบพฤติกรรมต้องสงสัย จุดประสงค์คือเพื่อหยุดการไหลเวียนของเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและอาชญากรรมออนไลน์ กฎหมายนี้ถูกออกแบบให้เป็นมาตรการเชิงรุกที่ช่วยคุ้มครองผู้บริโภคจากภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น

หัวใจสำคัญอยู่ที่การติดตาม “เส้นทางเงิน” เมื่อตรวจพบว่าบัญชีใดเป็นบัญชีม้า ระบบจะขยายการตรวจสอบไปยังบัญชีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่รับโอนตรงจากบัญชีม้า หรือบัญชีที่อยู่ในทอดต่อ ๆ มา โดยสามารถสั่งกันเงินหรือระงับบัญชีเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ในแต่ละสัปดาห์มีบัญชีที่เข้าข่ายเสี่ยงมากกว่าหลักหมื่นบัญชีเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งสะท้อนถึงขอบเขตปัญหาที่กว้างใหญ่และยากควบคุม

อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการนี้จะออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหา แต่ในทางปฏิบัติกลับสะท้อนว่าการควบคุมบัญชีม้าไม่ได้ผลเต็มที่ บัญชีม้ายังคงอาละวาด และผลกระทบกลับตกหนักที่ผู้บริสุทธิ์ถูกจัดให้อยู่ในเส้นทางเงินโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผู้บริสุทธิ์ต้องทำอย่างไร เมื่อถูกระงับหรืออายัดบัญชี

สำหรับสิ่งที่ผู้บริโภคทำได้เมื่อพบว่าบัญชีถูกอายัด คือ การติดต่อไปที่สายด่วนศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) โทร. 1441 กด 2 เพื่อยกเลิกการระงับบัญชี หรือติดต่อได้อีกทางกับสถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยต้องเตรียมข้อมูล ได้แก่ ชื่อและนามสกุล เลขบัตรประชาชน เลขบัญชี ชื่อธนาคาร และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ รวมถึงล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดสายด่วน 1599 เพิ่มความสะดวกในการ “รับแจ้งเหตุถูกระงับบัญชี” ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลลงระบบรับแจ้งความออนไลน์ (www.thaipoliceonline.go.th) และส่งต่อให้ตรวจสอบเพื่อเพิกถอนการระงับบัญชี

ทั้งนี้ หลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลการขอปลดอายัดบัญชีแล้ว จะมีการรวบรวมข้อมูลและส่งให้กับธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบข้อมูลวันละ 3 รอบ โดยใช้เกณฑ์การปลดล็อก ไม่ว่าจะเป็นบัญชีนั้นเป็นธุรกรรมสุจริต ไม่ติดหมายตำรวจ มียอดโอนมูลค่าน้อย หรือยอดโอนสูงแต่เป็นธุรกรรมปกติ จากนั้นเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วธนาคารจะแจ้งผลทันทีใน 2 ชั่วโมง ขณะที่ตำรวจยืนยันว่าใช้เวลาไม่เกินครึ่งวันในการแก้ไข

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการรวบรวมของสำนักข่าวทีเอ็นเอ็น (TNN) ระบุว่า ผู้เสียหายต้องเริ่มจากการติดต่อธนาคารเพื่อหาสาเหตุว่าใครเป็นผู้แจ้งอายัด หากเป็นตำรวจ ต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และหากเป็นการอายัดจากหน่วยงานอื่น เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือกรมบังคับคดี ก็ต้องไปดำเนินการกับหน่วยงานนั้นโดยตรง เมื่อได้รับเอกสารปลดอายัดจึงนำกลับไปที่ธนาคารเพื่อปรับสถานะบัญชี อย่างไรก็ตาม กระบวนการข้างต้นอาจซับซ้อนมากกว่า และทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายรายต้องเผชิญกับความยุ่งยากและความไม่สะดวกมากกว่าที่หน่วยงานรัฐอธิบายไว้

“การพนันออนไลน์” เสี่ยงถูกอายัดแม้เป็นผู้ซื้อ

นอกจากกรณีบัญชีม้า หน่วยงานรัฐยังเตือนว่า การซื้อหวยออนไลน์ผิดกฎหมายหรือการเล่นพนันออนไลน์ทุกรูปแบบอาจนำไปสู่การถูกอายัดบัญชีได้ทันที แม้จะเป็นเพียงผู้ซื้อหรือผู้เล่นก็ตาม ตัวอย่างเช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้โพสต์ย้ำว่า การซื้อลอตเตอรี่ผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมาย เช่น แอปฯ เป๋าตัง หรือผู้ขายที่ได้รับอนุญาต ยังเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากสุด

คำเตือนนี้ชี้ว่า แม้ผู้บริโภคจะไม่ได้ตั้งใจเข้าสู่ขบวนการฟอกเงิน แต่เพียงแค่เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ผิดกฎหมายเล็กน้อย ก็เสี่ยงที่จะถูกอายัดบัญชี และต้องเผชิญความยุ่งยากตามมา

ท้ายที่สุดผลจาก พ.ร.ก.ไซเบอร์ฯ ฉบับใหม่ ที่ได้ให้อำนาจระงับหรืออายัดบัญชีออกมาเพื่อสกัดกั้นเงินจากอาชญากรรมออนไลน์ แต่ในทางปฏิบัติระบบอาจยังไม่สามารถปิดเส้นทางบัญชีม้าได้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะจากบัญชีม้าตัวจริง ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยจึงต้องเผชิญความเดือดร้อน บางคนเป็นเพียงผู้กู้เงิน บางคนรับเงินโอนผิด หรือบางคนมีบัญชีที่แทบไม่ได้ใช้งานเลย เสียงสะท้อนเหล่านี้ตอกย้ำว่า มาตรการใด ๆ หากขาดกลไกที่ชัดเจน โปร่งใส และรวดเร็ว ผลลัพธ์อาจกลายเป็นการสร้างบาดแผลใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ไม่ควรต้องเจอ