คุมเข้ม ธุรกิจเสริมความงาม ดันสิทธิ 7 วัน คืนเงิน

คุมเข้ม ธุรกิจเสริมความงาม ดันสิทธิ 7 วัน คืนเงิน

จากสถิติการรับเรื่องร้องเรียนของสภาผู้บริโภคเผยว่า ตั้งแต่ปี 2564 ถึงกลางเดือนกันยายน 2568 มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ ธุรกิจเสริมความงาม มากถึง 1,686 เรื่อง โดยปัญหาหลักที่พบคือ การปิดกิจการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า การปฏิเสธคืนเงิน การกำหนด ข้อสัญญาเอาเปรียบ และ บริการไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบและได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ผลักดันอย่างต่อเนื่องให้มีการแก้ไขมาตรฐานสัญญาที่ครอบคลุมการคุ้มครองผู้บริโภค และเยียวยาในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย

ความคืบหน้าล่าสุดที่จะสร้างมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการใช้บริการด้านความงาม คือ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออก (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เพื่อกำหนดให้ “ธุรกิจการให้บริการเสริมความงาม” เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พร้อมบังคับใช้ “สัญญามาตรฐาน” ที่ผู้ประกอบธุรกิจทุกยึดถือปฏิบัติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค โดยมีสาระสำคัญที่มุ่งยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรมหลายประการ

สาระสำคัญของประกาศ สคบ. ที่เตรียมบังคับใช้ ธุรกิจเสริมความงาม

  • สิทธิบอกเลิกสัญญาภายใน 7 วัน หากยังไม่ได้ใช้บริการ ผู้บริโภคสามารถยกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องให้เหตุผล และผู้ประกอบธุรกิจต้อง คืนเงินเต็มจำนวน
  • สิทธิในการขอคืนเงินตามสัดส่วน เช่น กรณีที่คลินิกปิดกิจการ ปรับปรุง ย้ายสถานที่ หรือผู้บริโภคมีเหตุผลด้านสุขภาพที่ไม่สามารถเข้ารับบริการได้ รวมถึงกรณีที่ผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการได้ตามสัญญา หรือให้บริการที่ก่อให้เกิดอันตรายและไม่แก้ไขภายใน 7 วัน
  • กำหนดระยะเวลาคืนเงินอย่างชัดเจน ได้แก่ คืนเงินสด/โอนเงิน/เช็ค ภายใน 15 วัน และกรณีคืนผ่านบัตรเครดิต ภายใน 45 วัน นับจากวันที่มีการบอกเลิกสัญญา

วรสุภรางค์ ศิริพราหมนุกูล ผู้ช่วยเลขาอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ เผยว่า จากประกาศดังกล่าว สภาผู้บริโภคเองได้เข้ามามีส่วนร่วมในประกาศนี้ โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 สคบ. ได้เชิญสภาผู้บริโภคเข้าร่วมงานรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการ เสริมความงามเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. …. ร่างประกาศที่ สคบ. เตรียมออกใช้ มีสาระสำคัญที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสภาผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคยังได้เสนอข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายขอบเขตคำนิยาม “ธุรกิจการให้บริการเสริมความงาม” ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การเพิ่มถ้อยคำที่ระบุถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับหัตถการทางการแพทย์เพื่อเสริมความงาม ครอบคลุมบริการโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ที่ขายในรูปแบบแพ็กเกจ รวมถึงการจำหน่ายบัตรกำนัล มูลค่าแทนเงินสด หรือระบบคะแนนแลกเปลี่ยนบริการ

ในส่วนของแบบสัญญามาตรฐาน สภาผู้บริโภคเสนอให้ปรับปรุงเนื้อหาเพื่อป้องกันข้อพิพาท โดยระบุให้เพิ่มช่องแสดง “จำนวนเครดิต” และ “มูลค่าที่ได้รับ” อย่างชัดเจนในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อคอร์สแบบเครดิต พร้อมกำหนดให้แสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายแยกตามหมวด เช่น ค่าบริการ ค่าสมาชิก และค่าผลิตภัณฑ์ อีกทั้งควรมีการออกเอกสารหลังการให้บริการทุกครั้ง โดยระบุชื่อแพทย์หรือพนักงานผู้ให้บริการอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ มาตรการคุ้มครองที่เสนอเพิ่มเติม ได้แก่ การกำหนดคุณสมบัติของผู้ให้บริการอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการให้บริการโดยบุคคลที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ กำหนดเพดานค่าธรรมเนียมการคืนเงินผ่านบัตรเครดิตโดยไม่หักค่าธรรมเนียมในกรณีที่การยกเลิกสัญญา ไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้บริโภค รวมถึงการควบคุมการตั้งราคาคอร์สที่มาพร้อมเครดิตซึ่งมักมีราคาสูงเกินจริง และการครอบคลุมบริการแบบผสมผสาน เช่น สปา นวดหน้า หรือเลเซอร์ ให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

สุดท้าย สภาผู้บริโภคยังเสนอให้มีการแจ้งสิทธิแก่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดให้ระยะเวลาในการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญานับตั้งแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งต้องมีหลักฐานการแจ้งสิทธิที่ชัดเจน เพื่อป้องกันข้อพิพาทและสร้างหลักประกันทางกฎหมายให้กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม จากสภาพปัญหาที่ปรากฏในเรื่องร้องเรียน สภาผู้บริโภค มีความเห็นว่า หากไม่มีการกำกับควบคุมที่ทันสมัยและเข้มงวด ต่อธุรกิจเสริมความงามที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การขายคอร์สล่วงหน้า การผูกขายผ่านบัตรกำนัลหรือเครดิต รวมถึงการโฆษณาในช่องทางออนไลน์ที่ยากแก่การตรวจสอบ ผู้บริโภคจำนวนมากจะยังคงตกเป็นเหยื่อของระบบบริการที่เอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้ หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการใช้สินค้าและบริการเสริมความงาม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1166 หรือสภาผู้บริโภค โทร 1502 หรือ ช่องทางออนไลน์ tcc.or.th

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง