ถอดบทเรียนต่างประเทศ ควบรวมมือถือต่างประเทศ แพงขึ้น-กระทบผู้ใช้

Getting your Trinity Audio player ready...
ถอดบทเรียนต่างประเทศ ควบรวมมือถือต่างประเทศ แพงขึ้น-กระทบผู้ใช้

ภายหลังจากการที่ศาลปกครอง ได้มีคำยกฟ้องกรณีที่สภาผู้บริโภคได้ยื่นคัดค้านการลงมติของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.) ที่มีการ “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู และ ดีแทค มีผลทำให้เกิดการควบรวมของสองบริษัทอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ สภาผู้บริโภคจึงขอรวบรวมกรณีศึกษาการ ควบรวมมือถือต่างประเทศ และหน่วยงานวิจัยในประเทศไทย ได้สะท้อนไปในทิศทางเดียวกันว่าการควบรวมมีผลกระทบต่อประชาชนในหลายระดับ

ผลวิจัยต่างประเทศสะท้อนการควบรวมทำให้ราคาสูงขึ้น 

ถอดบทเรียนกรณีศึกษาจากต่างประเทศ ได้ศึกษาผลกระทบจากการควบรวมทำให้ราคาสูงขึ้น ทั้ง “ประเทศแคนาดา” ได้เปิดให้ควบรวมโทรคมนาคมควบรวมได้ แต่ต้อง “แบ่ง” ตลาดใหม่ มาจากกรณีของบริษัทชอว์-โรเจอร์ (Shaw – Rogers) ในประเทศแคนาดา ที่มูลค่าการควบรวมสูงถึง 6.9 แสนล้านบาท ถือเป็นคดีตัวอย่างที่สะท้อนว่าแม้รัฐบาลและหน่วยงานกำกับจะเปิดทางให้ควบรวมเกิดขึ้น แต่ต้องวางเงื่อนไขที่แข็งแกร่งเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ

สำหรับแนวทางของสำนักงานการแข่งขันแคนาดา ที่ออกมาคัดค้านพร้อมเหตุผลว่าการควบรวมทำให้ราคามือถือสูงขึ้น คุณภาพบริการแย่ลง และผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง จึงดำเนินการให้บริษัทชอว์ ถูกบังคับให้ขายแบรนด์ลูก ฟรีดอมโมบาย (Freedom Mobile) ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 6% ให้กับ บริษัท ควิเบคเคอร์ (Québecor) ผู้ให้บริการท้องถิ่นรัฐควิเบก ในราคา 2.85 พันล้านดอลลาร์แคนาดา พร้อมเงื่อนไขให้ บริษัทโรเจอร์ส (Rogers) ต้องทำสัญญาแบ่งปันคลื่นกับ บริษัท เทลัส (Telus) ทำให้ผู้เล่นรายใหม่ในระดับท้องถิ่นสามารถเติบโต และสร้างมีผลต่อบริษัทโทรคมนาคมขนาดใหญ่

อีกกรณีศึกษาจาก สหราชอาณาจักร และอียู ได้คัดค้านการควบรวมระหว่าง ฮัทจิสัน (Hutchison) 3G UK (Three) และ O2 ของ เทเลโฟนิก้า Telefónica มูลค่าประมาณ 4.9 แสนล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) ได้ใช้อำนาจลงคะแนนห้ามการควบรวม เนื่องจากตลาดมือถืออังกฤษจะลดจาก 4 เหลือ 3 ราย ส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน แต่ศาลยุโรปชั้นต้นได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ต่อมาอัยการสูงสุดของอียู ได้ให้ศาลอุทธรณ์กลับมาทบทวนใหม่ เนื่องจากประเมินว่าคำพิพากษาเดิมเอื้อทำให้เกิดการผูกขาดเกินไป

นอกจากนี้ยังมีจาก สหราชอาณาจักร ที่มีหน่วยงานกำกับอย่าง ซีเอ็มเอ (CMA) และ อ๊อฟคอม (Ofcom) ได้อนุญาตให้มีการควบรวมระหว่าง โวดาโฟน (Vodafone) และ ทรียูเค (Three UK) แต่ไม่ใช่แบบไร้เงื่อนไข รัฐบาลและหน่วยงานกำกับบังคับให้บริษัทต้องลงทุนเครือข่ายมากกว่า 11,000 ล้านปอนด์ในช่วง 8 ปี โดยกำหนดให้รายงานความคืบหน้าเป็นประจำ และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น ตรึงราคาแพ็กเกจพื้นฐานและสัญญาค้าส่งให้ผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน หรือ เอ็มวีเอ็นโอ (MVNO) พร้อมกำหนดเงื่อนไขการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น

ขณะเดียวกันมีกรณีศึกษาจากประเทศสหรัฐ โดย ที-โมบาย (T-Mobile) ที่มีการควบรวมกิจการกับ สปรินท์ คอปอเรชั่น (Sprint Corporation) พร้อมตั้งบริษัทใหม่ใช้ชื่อว่า ที-โมบาย (T-Mobile) ที่เปิดให้บริการเครือข่าย 5จี กลายเป็นผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่อันดับสามของสหรัฐ ซึ่งจากการควบรวมทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการโทรคมนาคมจากค่ายต่างๆ ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น รวมถึงสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคถึง 9 พันล้านดอลลาร์

ถอดบทวิจัยประเทศไทย 

สำหรับประเทศไทยมีผลวิจัยจาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) รายงานกรณีที่มีผู้ให้บริการในประเทศไทยลดลงเหลือ 2 ราย โดยใช้แบบจำลองของทีดีอาร์ไอคาดการณ์ว่าราคาอาจสูงขึ้น 33% ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิชาการอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้แข่งขันเรื่องด้านราคาอีกต่อไป และไม่เน้นนำเสนอโปรโมชันที่ดีให้แก่ลูกค้า

รวมถึงเมื่อมีการควบรวมสำเร็จ ผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยของไทยจะเหลือทางเลือกที่น้อยลง จึงมีความเสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในธุรกิจโรงหนัง ค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงพยาบาลและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อกลุ่มคนรายได้น้อยเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่ยังกระทบมาถึงคนชั้นกลางจำนวนเช่นกัน

กระทบต่อจีดีพีประเทศ

นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช. ได้เคยเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อการควบรวมในช่วงเดือน มิ.ย.2565 ระหว่าง ทรู และ ดีแทค พร้อมมีข้อเสนอจาก คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจ ได้รายงานผลกระทบความรุนแรงภายหลังการควบรวมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่มีผลต่อตลาด

ทั้งนี้ผลการศึกษาต่อสภาพเศรษฐกิจในแง่ของอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นหลังการควบรวม ซึ่งเมื่อมีการร่วมมือระดับต่ำจะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อ 0.17% – 0.34% ส่วนกรณีร่วมมือระดับสูงผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อสูงสุด 0.60% – 2.07%

ทางด้านผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หากไม่มีการร่วมมือกัน จีดีพีหดตัวลดลงประมาณ 0.05% – 0.11% คิดเป็นมูลค่าลดลง 8,244 – 18,055 ล้านบาท ส่วนกรณีร่วมมือระดับต่ำ จีดีพีหดตัวลดลง 0.17% – 0.33% คิดเป็นมูลค่าลดลง 27,148 – 53,147 ล้านบาท แต่กรณีที่ร่วมมือระดับสูง จีดีพีหดตัวลดลงระดับ 0.58% – 1.99% คิดเป็นมูลค่าลดลง 94,427 – 322,892 ล้านบาท

ยิ่งผูกขาดกระทบต่อราคาแพงที่ขึ้น

อีกทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลจาก “สำนักการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 2 กสทช.” ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ผลกระทบด้านราคาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการควบรวมธุรกิจ 2 แบบ โดยทำการวิเคราะห์เรื่องควบรวมช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า กรณีการร่วมมือระดับต่ำ ราคาเพิ่มขึ้น 12.57-39.81% ส่วนกรณีร่วมกันระดับสูง ราคาเพิ่มขึ้น 49.30-244.50%

จากบทเรียนในต่างประเทศ โดยเฉพาะ “ประเทศแคนาดา” แสดงให้เห็นว่าการควบรวมไม่จำเป็นต้องเป็นห้ามไปทั้งหมด แต่สามารถ “อนุญาตแบบมีเงื่อนไขแข็งแรง” เช่น บังคับขายกิจการลูก และเปิดทางให้รายเล็กแข่งขันจริง รวมถึงในสหราชอาณาจักร/อียู สะท้อนว่าเมื่อการแข่งขันหายไปแล้ว การห้ามควบรวมเป็นทางเลือกสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่ตลาดเหลือผู้เล่นน้อยจนไม่อาจกดดันราคาได้

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย เมื่อมีการควบรวมของบริษัทโทรคมนาคม แต่หน่วยงานที่กำกับดูแลคือ กสทช. ได้ประกาศมาตรการดูแลภายหลังการควบรวม ทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ค่าบริการลดลงเฉลี่ย 12% ภายใน 90 วัน แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการดำเนินการดังกล่าว เพื่อมุ่งปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องเผชิญผลกระทบการจ่ายค่าบริการที่แพงขึ้น รวมถึงไม่ได้รับบริการที่แย่ลง จากการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมที่มีผู้ประกอบการ 2 ค่ายเท่านั้น

ผลกระทบจากธุรกิจที่เกิดการผูกขาด

หากประเมินธุรกิจในประเทศไทยภายหลังควบรวมได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคหลายมิติ ทั้งโรงภาพยนตร์ ที่มีงานวิจัยของทีดีอาร์ไอ พบว่าตลาดโรงหนังไทยถูกผูกขาดโดยผู้เล่นหลักเพียง 2 รายใหญ่ ทำให้ราคาตั๋วไทยสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย ส่วนธุรกิจค้าปลีก ที่มีการขยายตัวของธุรกิจห้างค้าปลีกสมัยใหม่ มีการได้ศึกษาภายใต้แผนงาน สกว. สะท้อนว่าทำให้ร้านค้าชุมชนและค้าปลีกดั้งเดิมจำนวนมากต้องปิดกิจการ ลดความหลากหลายของสินค้าในตลาดท้องถิ่น ทางด้านโรงพยาบาลเอกชน ที่มีงานวิจัยเชิงเศรษฐศาสตร์สุขภาพ พบว่าโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่รวมเครือข่ายสามารถกำหนดค่ารักษาได้สูงขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยมีทางเลือกน้อยลง สะท้อนรูปแบบการผูกขาดเช่นเดียวกับโทรคมนาคม

ทั้งหมดแสดงถึงผลกระทบจากการผูกขาดที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่ควรทำอย่างไรให้มีกลไกคุ้มครองผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์ รวมถึงหน่วยงานที่กำกับดูแลต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างแท้จริง


ถอดบทเรียน ‘แคนาดา’ค้านควบรวม บ.โทรคมนาคม 6.9 แสน ล. ก่อนย้อนมองกรณี’ทรู-ดีแทค’

ถอดบทเรียนควบ “เทเลคอม” ต่างแดน ใต้ “เงื่อนไข” ผู้บริโภคได้ประโยชน์

“อย่าไว้ใจงานวิชาการ!” – บทเรียนจากรายงานศึกษาผลกระทบควบรวมทรู-ดีแทคในมือ กสทช.

ร่วมกันส่งเสียงคัดค้านการควบรวมกิจการระหว่าง “ทรู-ดีแทค” ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และเศรษฐกิจไทย

‘ทรูควบดีแทค’ ดัน ‘ค่าบริการพุ่ง’ 200% ฉุด ‘จีดีพี’ หายวับ 3 แสนล้าน!!

ถอดบทเรียน ตปท. : ‘อัยการยุโรป’ ค้านควบรวม ฮัทชิสัน-O2 หวั่นกระทบตลาดโทรคมนาคมอังกฤษ