
แค่สั่งของออนไลน์ แต่ถูก หลอกลงทุน เตือนภัย ระบาดหนัก เพจปลอมลวงทำกิจกรรม ก่อนล่อลวงให้โอนเงินซ้ำ ๆ กำลังระบาดอีกครั้ง ผู้บริโภคร้องสูญเงินเกือบ 2 หมื่นบาท
ภัยหลอกลงทุนในคราบเพจปลอมขายของออนไลน์ กลับมาอีกครั้งในรูปแบบแนบเนียนกว่าเดิม ล่าสุด สภาผู้บริโภคได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้บริโภครายหนึ่ง ที่ถูกหลอกขณะสั่งซื้อนม “เอนชัวร์” ผ่านเพจที่ใช้ชื่อว่า “เพจหลัก เอนชัวร์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์อาอาหารเสริม” ซึ่งดูภายนอกคล้ายเพจทางการของแบรนด์อย่างมาก แต่กลับถูก หลอกลงทุน สูญเงินเกือบ 20,000 บาท
สภาผู้บริโภค ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคว่า ได้ทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านเพจ “เอนชัวร์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์อาอาหารเสริม” และโอนเงินเรียบร้อย แต่หลังจากนั้นทางเพจกลับแจ้งว่า ต้องติดต่อพนักงานส่งของผ่านไลน์อีกครั้ง และขอให้เข้าร่วม “กิจกรรมโปรโมตสินค้า” พร้อมชวนให้ลงทุนเพิ่ม โดยอ้างว่าหากไม่ทำตามทุกขั้นตอน จะไม่ได้รับสินค้า
เมื่อแอดไลน์ตามคำแนะนำ ผู้บริโภคถูกเชิญเข้ากลุ่มไลน์อีกกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกอีก 2 คน คอยแนะนำขั้นตอน พร้อมคำแนะนำสอนโปรโมตสินค้า และการลงทุนผ่านระบบ ทำให้สูญเงินรวม 17,395 บาท แบ่งเป็นค่าสินค้า 1,099 บาท และเงินลงทุน 2 รอบ จำนวน 3,297 บาท และ 12,999 บาท และพบว่ามีผู้บริโภคอีกหลายคนได้หลงเชื่อและโอนเงินไปจำนวนมาก อีกทั้งได้ถูกมิจฉาชีพข่มขู่ว่า หากไม่ทำกิจกรรมให้ครบถ้วนจะต้องเสียค่าปรับ และอาจถูกดำเนินคดีถึงขั้นมีหมายศาล
หลังจากเริ่มสังเกตความผิดปกติ ผู้บริโภคจึงตัดสินใจแจ้งเบาะแสต่อสภาผู้บริโภค และรวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายรายอื่นเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
เพจปลอมชาตรามือ หลอกลงทุน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสะท้อนรูปแบบการหลอกลงทุนที่กำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยมีการสร้างเพจปลอมเลียนแบบแบรนด์ชื่อดัง ล่อลวงด้วยการหลอกขายของ ก่อนเปลี่ยนเป็นการชวนลงทุนแบบเป็นขั้นเป็นตอน
นอกจากกรณีของเอนชัวร์ ยังพบพฤติกรรมลักษณะเดียวกันกับเพจปลอมที่แอบอ้างเป็นแบรนด์ “ชาตรามือ” โดยใช้ชื่อและโลโก้คล้ายของจริง หลอกว่าจะมีสินค้าใหม่แจกฟรี ก่อนชวนเข้ากลุ่มไลน์และจบลงด้วยการหลอกลงทุนเช่นเดียวกัน
พฤติกรรมของมิจฉาชีพเหล่านี้มักอาศัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ดังหรือบุคคลมีชื่อเสียง ตั้งชื่อเพจหรือบัญชีให้คล้ายของจริง และใช้ข้อเสนอ “ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น” เป็นเหยื่อล่อ พร้อมอ้างว่ามีระบบสอน แม้ไม่มีพื้นฐานก็สามารถลงทุนได้ และเมื่อเหยื่อลงทุนไปแล้ว มักถูกชักชวนให้เพิ่มเงินลงทุนต่อเนื่อง และหากต้องการถอนเงิน มักถูกปฏิเสธด้วยข้ออ้าง เช่น ผิดกฎ ต้องจ่ายเงินปลดล็อก หรือข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี
สภาผู้บริโภคจึงขอเตือนว่า หากพบเห็นพฤติกรรมลักษณะนี้ อย่าหลงเชื่อ และหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัว สำหรับผู้บริโภคที่สนใจการลงทุน ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นบริษัทที่มีตัวตนจริงและไม่มีเจตนาหลอกลวง โดยสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ที่ www.sec.or.th/licensecheck หรือผ่านแอปฯ SEC Check First และห้ามฝากเงินหรือโอนเงินลงทุนเข้าบัญชีส่วนตัวของบุคคลธรรมดา โดยเฉพาะบุคคลที่มาชักชวนลงทุน หรืออ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทลงทุน
ทั้งนี้ หากได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับสถานีตำรวจในพื้นที่โดยเร็วที่สุดหรือแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสามารถแจ้งเบาะแสมายังสภาผู้บริโภคได้ที่เว็บไซต์ tcc.or.th
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง