
จากขนมไดฟูกุกล่องเล็ก ๆ กลายเป็นฝันร้ายของครอบครัวหนึ่ง เมื่อพบเชื้อราในไดฟูกุที่เพิ่งซื้อมา ทั้งที่ยังไม่หมดอายุ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนปัญหาความปลอดภัยของอาหาร แต่ยังเป็นตัวอย่างของการใช้สิทธิผู้บริโภค เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและผลักดันให้ผู้ผลิตใส่ใจคุณภาพมากขึ้น
ใครจะคิดว่า “ขนมไดฟูกุ” กล่องเล็ก ๆ ที่ตั้งใจซื้อมาเป็นขนมฝากลูก จะกลายเป็นเรื่องฝังใจของครอบครัวนี้ไปได้
เช้าวันที่ 11 ตุลาคม 68 หลังจากซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นแม่ได้เปิดกล่องขนมไดฟูกุให้ลูก ๆ ทานบนรถระหว่างเดินทางกลับ ทุกคนทานด้วยความเอร็ดอร่อย จนกระทั่งเธอสังเกตุเห็นจุดขาว ๆ คล้ายน้ำตาลไอซิ่งบนหน้าขนม แต่พอมองเข้าไปใกล้ ๆ กลับพบว่า “มันคือรา”
“ตอนนั้นเราตกใจมาก เพราะขนมที่ลูก ๆ เพิ่งกินเข้าไปยังไม่หมดอายุด้วยซ้ำ ข้างกล่องระบุว่าหมดวันที่ 29 ตุลาคม 68 เลยไม่เอะใจ และได้รีบติดต่อห้างและบริษัทผู้ผลิตทันทีในวันนั้น” ผู้เป็นแม่เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
หลังจากได้ติดต่อทั้งห้างสรรพสินค้าและบริษัทผู้ผลิต ทางห้างตอบกลับอย่างรวดเร็ว โดยแจ้งผลตรวจสอบพบว่า ขนมล็อตนั้นมีราขึ้นทั้งหมด และรีบเก็บออกจากชั้นจำหน่ายทันที พร้อมขอโทษและติดตามเรื่องให้ต่อ ถือว่าห้างสรรพสินค้ามีความรับผิดชอบและใส่ใจผู้บริโภค ซึ่งต่างกับบริษัทผู้ผลิตกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากส่งข้อความและโทรไป ทางบริษัทเพียงกล่าวคำขอโทษ และบอกให้ไปพบแพทย์หากมีอาการ พร้อมเสนอจะรับผิดชอบเฉพาะค่ารักษาและค่ายาเท่านั้น จากนั้นก็เงียบหาย ไม่แม้แต่จะสอบถามอาการอีกเลย
สิ่งที่เธอรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่แค่เรื่องขนมขึ้นรา แต่คือ ความไม่ใส่ใจ ของบริษัทที่ผลิตอาหารให้คนบริโภคโดยตรง
“ถ้าเราไม่ถาม เขาก็ไม่บอก ไม่ติดต่อกลับเลย ดูแล้วไม่มีความจริงใจ ผู้บริโภคต้องเรียกร้องเองตลอด ทั้งที่บริษัทมีความผิดอย่างชัดเจน”
เมื่อรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม เธอจึงตัดสินใจร้องเรียนมายังสภาผู้บริโภคในวันที่ 12 ตุลาคม 68 เพื่อให้บริษัทออกมารับผิดชอบอย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่คืนค่าขนมหรือค่ายา แต่รวมถึงความเสียหายทางจิตใจที่ครอบครัวต้องเจอด้วย นอกจากนี้ เธอมองว่านี่คือเรื่องของ “สิทธิผู้บริโภค” ที่ทุกคนควรได้รับความปลอดภัย และความรับผิดชอบจากผู้ผลิตอย่างจริงใจ
หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน สภาผู้บริโภคได้ดำเนินการขอหลักฐานจากผู้บริโภคเพิ่มเติมส่งหนังสือไปที่บริษัทเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 68 เพื่อให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งบริษัทได้ส่งหนังลือตอบกลับมาในวันดังกล่าว พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับข้อร้องเรียนด้วยความตระหนักในความรับผิดชอบ โดยได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที และพบว่าสินค้าขนมไดฟูกุที่ผู้บริโภครับประทาน ไม่มีซองดูดออกซิเจนภายในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราขึ้นก่อนวันหมดอายุ
จากการตรวจสอบภายใน บริษัทระบุว่าเป็น ความผิดพลาดจากกระบวนการผลิต (Human Error) ทำให้สินค้าล็อตดังกล่าวหลุดจากกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ บริษัทจึงได้ดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนการผลิตและบรรจุสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทได้ประสานงานกับห้างสรรพสินค้าเพื่อดำเนินการ เรียกคืนสินค้าในล็อตเดียวกันออกจากการจำหน่ายทันที และสั่งทำลายสินค้าที่เหลืออยู่ พร้อมยืนยันว่าบริษัทให้ความสำคัญสูงสุดต่อคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค
สุดท้าย บริษัทได้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคโดยชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ในวันที่ 29 ตุลาคม 68 เพื่อเยียวยาทั้งในส่วนของค่ารักษาพยาบาลและผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การใช้สิทธิของผู้บริโภค ไม่เพียงช่วยให้ได้รับการเยียวยาเท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยของผู้บริโภค และต้องตรวจสอบปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำขึ้นอีกในอนาคต
หากผู้บริโภคพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองในการได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย เพราะการรักษาสิทธิของผู้บริโภค ไม่เพียงเป็นการป้องกันความเสียหายเฉพาะบุคคล แต่ยังช่วย สร้างความตระหนักให้ผู้ผลิตหันมาใส่ใจคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น โดยสามารถร้องเรียนออนไลน์ที่เว็บไซต์ tcc.or.th หรือสายด่วนสภาผู้บริโภค โทร 1502 (วันเวลาทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น.)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
