| Getting your Trinity Audio player ready... |

แนวคิดเส้นทาง รถเมล์ใหม่ เชื่อม 4 เขต ตอบโจทย์คนชานเมือง แก้ปัญหารถช้ารอนาน เรื้อรัง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สภาผู้บริโภค และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวที “สร้างความร่วมมือและกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบบริการรถโดยสารสาธารณะใน 4 เขต” ณ สำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ ขสมก. กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานเขตทั้ง 4 เขต
ณัฐวดี เต็งพานิชกุล ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบบริการรถโดยสารสาธารณะและการเดินทางของนักเรียนให้ปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากข้อมูลปี 2566–2568 พบว่าการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชานเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางที่ยังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะเพียงพอ เช่น ถนนคลองพิทยาลงกรณ์ ถนนพุทธบูชา ประชาชนต้องจ่ายค่าเดินทางสูงขึ้นและเสียเวลาในการรอรถนาน จึงเกิดแนวคิดผลักดันเส้นทาง รถเมล์ใหม่ เชื่อม 4 เขต ได้แก่ บางขุนเทียน ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ และจอมทอง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรถเมล์ที่สะดวกมากขึ้น โดยเชิญหน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้เกิดเส้นทางรถโดยสารสาธารณะเชื่อม 4 เขตอย่างเป็นรูปธรรม
ด้าน อภิสิทธิ์ มานตรี ผู้ดูแลเพจ “รถเมล์ไทยแฟนเพจ” ระบุว่า ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพารถเมล์สาย 68 เส้นทาง มจธ.(บางขุนเทียน)–บางลำพู ซึ่งมีให้บริการน้อย ทำให้นักเรียนต้องโบกรถหรือซื้อมอเตอร์ไซค์ใช้เดินทาง หากสาย 68 ถูกยกเลิกโดยไม่มีเส้นทางทดแทนจะยิ่งสร้างความเดือดร้อน จึงเสนอให้เร่งต่ออายุใบอนุญาตเส้นทางเดินรถชั่วคราวสาย 68 ตาม ม.41 พ.ร.บ.การขนส่งทางบก และเปิดเส้นทางเดินรถใหม่ที่ครอบคลุมโรงงาน ชุมชน มหาวิทยาลัย และหมู่บ้านเกิดใหม่ในพื้นที่ เพื่อเป็นการปลดล็อกการเดินทางของประชาชนใน 4 เขต
ขณะเดียวกัน คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะใน 12 จังหวัดทั่วประเทศกำลังเดินหน้า โดยมี สสส. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมสนับสนุน พร้อมเตรียมหารือกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อผลักดันการอนุมัติใบอนุญาตเส้นทางเดินรถใหม่ และเสนอแนวคิดจัดทำเส้นทางทดลองวิ่งโดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ถือเป็นแนวทางที่สภาผู้บริโภคพร้อมสนับสนุนให้เกิดระบบขนส่งสาธารณะที่ประชาชนเข้าถึงได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทางให้ได้มากที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


