Ribbon

สภาผู้บริโภคร่วมผลักดันสำเร็จ “สคบ.” ดันกฎหมายคุมค่าน้ำ – ค่าไฟ คุ้มครองสิทธิผู้เช่า

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกประกาศว่าด้วย “คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าที่พักอาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ 2568” เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการออกประกาศนี้รวมถึงการควบคุมอัตราค่าน้ำและค่าไฟสำหรับห้องเช่า เป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคที่เป็นผู้เช่าหอพัก คอนโด ทั่วประเทศที่ต้องเผชิญปัญหาโดนเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินกว่าที่ตนเองใช้จริงมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สภาผู้บริโภค เข้าพบ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือสคบ. ร่วมผลักดันให้ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคให้เป็นรูปธรรม

ในการหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เพื่อยกระดับงานคุ้มครองผู้บริโภคเชิงระบบ สภาผู้บริโภคได้ยกประเด็นการควบคุมสัญญาเช่าที่พักอาศัยและการเรียกเก็บค่าน้ำ – ค่าไฟที่เป็นธรรม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ ทั้งนักเรียน นักศึกษา และผู้เช่าในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังพบการเก็บค่าสาธารณูปโภคเกินอัตรากฎหมายกำหนด การเร่งบังคับใช้ประกาศครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางอย่างเป็นรูปธรรม

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 และ 28 ตุลาคม 2568 และวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 สภาผู้บริโภค ได้ประชุมร่วมกับ สคบ. และผู้แทนผู้ประกอบการห้องเช่า – อพาร์ตเมนต์ ในประเด็น “มาตรการลดค่าครองชีพเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเช่าที่อยู่อาศัย” เพื่อกำหนดแนวทางในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการเช่าที่อยู่อาศัย โดยเน้นให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม ห้ามเรียกเก็บค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาเกินอัตราที่กำหนด โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อร่วมกันหาแนวทางบูรณาการการกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าที่พักอาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ 2568 แต่ยังมีปัญหาอยู่ในธุกิจประเภทหอพัก ตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 ที่ยังไม่มีการควบคุมอัตราค่าบริการสาธารณูปโภค และไม่มีแบบสัญญามาตรฐาน ซึ่งยังสร้างปัญหาให้กลุ่มผู้เช่าที่ส่วนมากอยู่ในวัยเรียน หรือเป็นนักศึกษาจบใหม่ ตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติ หอพัก พ.ศ. 2558 ซึ่งสภาผู้บริโภคจะผลักดันประเด็นนี้ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัต เพื่อหาแนวทางการควบคุมธุรกิจหอพัก ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าที่พักอาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ 2568 ต่อไป

การประกาศครั้งนี้มีผลกระทบด้านบวกต่อผู้เช่า ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา รวมถึงผู้มีรายได้น้อย ในการลดค่าครองชีพในสภาวะเศรษฐกิจรัดตัว สภาผู้บริโภคจึงขอแสดงความขอบคุณต่อท่านรัฐมนตรีและ สคบ.มา ณ โอกาสนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง