Ribbon

รถยนต์จมน้ำภาคใต้ เจอปัญหาประกันล่าช้า – ปฏิเสธเคลม ร้องเรียนได้

รถยนต์จมน้ำภาคใต้ เจอปัญหาประกันล่าช้า - ปฏิเสธเคลม ร้องเรียนได้

สภาผู้บริโภคแจ้งเตือนผู้ใช้รถในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้รีบตรวจสอบความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ และดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง หลังพบว่ารถจำนวนมากเสียหายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง สุรกิจ สิงหะพล เจ้าหน้าที่กฎหมายและคดี สภาผู้บริโภค ระบุว่า ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยเฉพาะชั้น 1 ต้องคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วมตามเงื่อนไขกรมธรรม์ พร้อมแนะนำให้ผู้บริโภคเก็บหลักฐานทันที และห้ามสตาร์ทหรือเคลื่อนรถด้วยตนเอง เพราะมีโอกาสถูกปฏิเสธการเคลม

สำหรับขั้นตอนที่ผู้บริโภคควรทำทันทีหลังรถถูกน้ำท่วม สุรกิจแนะนำ 4 เรื่องหลัก คือ 1. ถ่ายภาพและวิดีโอเหตุการณ์รวมถึงระดับน้ำเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน 2. ห้ามสตาร์ทรถหรือพยายามขับเคลื่อนเอง 3. ตรวจสอบกรมธรรม์ว่าครอบคลุมภัยธรรมชาติหรือไม่ โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 2+ และ 3+ และ 4. เรียกร้องสิทธิค่าซ่อม ค่าลากรถ หรือค่าสินไหมกรณีรถเสียหายทั้งหมดตามหลักเกณฑ์ความเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss)

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น พบปัญหาซ้ำเดิมหลายประการ เช่น การดำเนินงานล่าช้าของบริษัทประกัน การอ้างความประมาทของผู้ขับขี่ การจำกัดความรับผิด การตีค่าซากต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงคิวซ่อมรถที่ยาวมาก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ใช้รถที่ถูกปฏิเสธความคุ้มครองเพราะรถดัดแปลงหรือใช้ผิดประเภท ซึ่งเจ้าของรถจำนวนมากไม่ทราบเงื่อนไขเหล่านี้มาก่อน

สุรกิจ ระบุว่า หากบริษัทประกันปฏิเสธค่าสินไหมโดยไม่สมควร ผู้บริโภคมีสิทธิร้องเรียนกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบและสั่งให้บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงสามารถร้องเรียนผ่านสภาผู้บริโภคได้ สำหรับผู้ที่ยังผ่อนรถอยู่ แม้จะต้องรับภาระตามสัญญา แต่สามารถขอพักชำระ ขอลดดอกเบี้ย หรือปรับโครงสร้างหนี้ได้ หากกรณีเข้าข่ายหลักเกณฑ์ความเสียหายโดยสิ้นเชิง บริษัทประกันจะนำเงินไปชำระหนี้ให้ไฟแนนซ์ก่อน และหากยังมีส่วนต่าง ไฟแนนซ์ต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยก่อน เนื่องจากเป็นการโปะหนี้ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ปี 2565 ที่ช่วยให้ผู้บริโภคต่อรองได้มากขึ้น

สำหรับรถเช่าซื้อ หากไฟแนนซ์เรียกเก็บส่วนต่างหลังจากรับเงินประกัน ผู้บริโภคควรขอลดดอกเบี้ยก่อน เพราะถือเป็นการปิดบัญชี และเมื่อดอกเบี้ยลดลงแล้วจึงเจรจาภาระส่วนต่าง หากไฟแนนซ์ไม่ยินยอม ผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ทางด้านข้อกฎหมาย นายสุรกิจ ชี้ว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ หากรถเสียหายโดยผู้เช่าไม่ได้เป็นฝ่ายผิด สัญญาย่อมระงับ จึงไม่ต้องรับผิดในส่วนต่าง แม้ไฟแนนซ์จะพยายามอ้างความประมาทจากการไม่ขยับรถหนีน้ำ แต่สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันถือเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่อาจตีความเป็นความประมาทร้ายแรงได้

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคย้ำว่า บริษัทประกันต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างโปร่งใส ผู้บริโภคสามารถขอเหตุผลการปฏิเสธเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง โดยหากพบว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนไปที่ คปภ. โทร. 1186 หรือร้องเรียนผ่านสภาผู้บริโภคที่เว็บไซต์ https://complaint.tcc.or.th/complaint หรือโทร. 1502 พร้อมแนะนำให้เก็บหลักฐานทุกอย่างให้ครบถ้วน และไม่เซ็นเอกสารใดที่ยังไม่ตรวจสอบ เพราะอาจทำให้เสียสิทธิสำคัญได้

อย่างไรก็ตาม จากการรายงาน คปภ. กับผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในเรื่องน้ำท่วมภาคใต้ โดยปัจจุบันมีผู้บริโภคที่ได้แจ้งสิทธิเคลมประภัยรถยนต์ในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ จำนวนกว่า 10,000 คันแล้ว และคาดยังจะเพิ่มขึ้นอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง