ชี้ บีทีเอสยกเลิกโปรเดินทาง 30 วัน กระทบผู้บริโภคหนัก

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ชี้ บีทีเอสยกเลิกโปรโมชั่นเดินทาง 30 วัน กระทบผู้บริโภคหนัก เร่งรัฐเจรจาเอกชนคุมราคาให้เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคโดยเร็ว

จากกรณีที่รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว ออกประกาศแจ้งผู้ใช้บริการว่า จะยกเลิกโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วัน โดยอ้างว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารลดลง โปรโมชัน 30 วันไม่ตอบโจทย์การเดินทางของผู้บริโภคนั้น

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สอบ. กล่าวว่า การประกาศยกเลิกโปรโมชัน 30 วัน ของบีทีเอสในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคจำนวนมาก เนื่องจากยังมีผู้ที่จำเป็นต้องใช้บริการรถไฟฟ้า เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า ที่ต้องเดินทางไปทำงาน เป็นต้น การที่มีโปรโมชันเที่ยว 30 วันดังกล่าวนั้นช่วยแบ่งเบาภาระค่าเดินทางของผู้บริโภคได้ ดังนั้น การที่บีทีเอสนำโปรโมชันดังกล่าวออก จึงเป็นการตัดทางเลือกของผู้บริโภคลงไปอีก และถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค

ด้าน ดร.สุเมธ องกิตติกุล ประธานอนุกรรมการด้านขนส่งและยานพาหนะ สอบ. กล่าวว่า โดยหลักการแล้ว สาเหตุที่ทำให้บีทีเอสสร้างบัตรโปรโมชันแบบรายเดือนขึ้น ก็เพื่อต้องการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในสถานการณ์ปกติ ซึ่งก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายของผู้โดยสารไปในตัว แต่เมื่อเป็นช่วงโควิด – 19 ที่มีผู้โดยสารลดลง และรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงนำโปรโมชันดังกล่าวออก เพื่อเพิ่มรายได้จากค่าโดยสารราคาปกติ

ขณะเดียวกัน กมล กมลตระกูล กรรมการนโยบาย สอบ.ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องบริการสาธารณะ มองว่า ประกาศของบีทีเอสฉบับนี้อาจจะเป็นวิธีการหนึ่งในการขึ้นราคาค่าโดยสาร ซึ่งคนที่ซื้อรายเดือน เมื่อใช้หมดแล้วต้องมาจ่ายเงินซื้อตั๋วราคาเต็ม

“ประกาศฉบับนี้อาจจะเป็นกับดักของบีทีเอสและ กทม. ที่ร่วมมือกันเพื่อบีบให้มีการต่อสัญญาสัมปทาน เพราะตอนนี้ กทม. มีหนี้ที่ยังไม่ได้จ่ายให้กับบีทีเอสอยู่เป็นจำนวนมาก” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบริการสาธารณะ ระบุ

กรรมการนโยบาย ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การที่บีทีเอสจะไม่เก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย และยังคงราคาตลอดเส้นระบบเดิมและส่วนต่อขยายหมอชิต – วงเวียนใหญ่ ในอัตราค่าโดยสาร 16 – 44 บาท และ กทม. ยังคงไม่เก็บค่าโดยสารจากส่วนต่อขยายใหม่ แต่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถให้บีทีเอสทุกเดือนนั้น จะทำให้ กทม. เป็นหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อครบสัญญาสัมปทาน ปี 2572 และเมื่อไม่มีเงินจ่ายหนี้ ก็จะไม่มีอำนาจต่อรอง ซึ่งอาจมองได้อีกแง่หนึ่งว่า เป็นการร่วมมือกันของบีทีเอส และ กทม. เพื่อบีบให้มีการต่อสัญญาสัมปทาน

#สภาองค์กรของผู้บริโภค #ผู้บริโภค