Ribbon

พบ สารเคมีเสื้อผ้า “SHEIN” เกินกฎหมายกำหนด 519 เท่า จี้รัฐคุมเข้มสิ่งทอ

สภาผู้บริโภค ร่วมกับกรีนพีซ ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงจากสารเคมีในสินค้าฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) หรือเสื้อผ้าตามกระแส คุณภาพต่ำ และเน้นใส่เพียงไม่กี่ครั้ง พร้อมนำเสนอรายงานฉบับใหม่ชื่อ “จากโรงงานสู่ตู้เสื้อผ้า: ความเสี่ยงของสารเคมีในอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น” (From Factory to Closet: The True Cost of Ultra Fast Fashion) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ของกรีนพีซ เยอรมนี (Greenpeace Germany) โดยมี 9 ประเทศเข้าร่วมตรวจสอบการปนเปื้อนสารเคมีในสิ่งทอที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งประเทศไทยรับผิดชอบการสั่งซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ชีอิน และจัดส่งตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองในเยอรมนี ผลการศึกษาพบการปนเปื้อนสารเคมีอันตรายหลายชนิดในสินค้าชีอิน สะท้อนความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญ

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ทั้งหมดอ้างอิงตามกรอบกฎหมายสารเคมีสากลของสหภาพยุโรป หรือรีช REACH (Registration, Evaluation, Authorisation and Restriction of Chemicals) ซึ่งใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินระดับสารเคมีอันตรายที่ตรวจพบในผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ผลการตรวจวิเคราะห์เสื้อผ้าของชีอิน ที่กรีนพีซ ประเทศไทยเป็นผู้สั่งซื้อ พบการปนเปื้อนของสารเคมีอันตรายหลายชนิด ได้แก่

  • PFAS (Per- and Polyfluoroalkyl Substances) หรือ “สารเคมีตลอดกาล” (Forever Chemicals) ที่เชื่อมโยงกับโรคมะเร็งและความผิดปกติของระบบฮอร์โมน โดยในเสื้อแจ็คเก็ตพบค่า PFAS สูงกว่าเกณฑ์ที่กรอบกฎหมายสารเคมีสากล กำหนดถึง 519 เท่า
  • แคดเมียม ที่เกินค่ามาตรฐาน 1.2 เท่า ในรองเท้าผู้หญิง
  • โลหะหนักแอนทิโมนี (Antimony: Sb) สารพทาเลต (Phthalates) และ สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในเสื้อผ้าเด็ก

อีกทั้ง สินค้าส่วนใหญ่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนประกอบหรือมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถประเมินความเสี่ยงก่อนซื้อได้ รวมถึงประเทศไทยยังไม่มีระบบกำกับดูแลและกฎหมายควบคุมสารเคมีในสิ่งทอ ส่งผลให้เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นที่มีความเสี่ยงสูงสามารถเข้าสู่ตลาดไทยได้โดยแทบไม่มีการตรวจสอบที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ประเด็นของผลการศึกษาดังกล่าว ผศ.ดร.วีระพันธ์ รังสีวิจิตรประภา อนุกรรมการด้านสินค้าและบริการทั่วไป สภาผู้บริโภค ระบุว่า รายงานฉบับนี้ตอกย้ำว่าผู้บริโภคไทยยังขาดหลักประกันด้านความปลอดภัยจากสินค้าที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มีความเสี่ยงจากสารเคมีอันตราย ภาครัฐจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกกฎหมายควบคุมสารเคมีในสิ่งทอ กำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน และสร้างระบบเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเพราะการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นคือสิทธิของผู้บริโภค

“ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะรู้ว่าสินค้าที่ซื้อว่ามีความปลอดภัยเพียงใด และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจในชีวิตประจำวัน” ผศ.ดร.วีระพันธ์ ระบุ

ด้าน พิชามญชุ์ รักรอด หัวหน้าโครงการรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคกำลังรับภาระความเสี่ยงจากสารเคมีอันตรายในเสื้อผ้าเพียงฝ่ายเดียว เพราะประเทศไทยยังไม่มีกรอบกฎหมายที่ครอบคลุมสารเคมีในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มอย่างครอบคลุม ไม่มีระบบตรวจสินค้านำเข้า และไม่มีการบังคับเปิดเผยข้อมูลต่อผู้บริโภค ความเสี่ยงจากสารเคมีตลอดกาล อย่าง PFAS พทาเลต และสารอันตรายอื่น ๆ ยังคงถูกปล่อยให้หลุดรอดเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องเร่งพัฒนากฎหมายและระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองตามสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัญหาสารเคมีในเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดจากการขาดมาตรฐานด้านสารเคมีในสิ่งทอ ระบบตรวจสอบสินค้านำเข้า และการขยายตัวของตลาดออนไลน์ที่ไม่มีกรอบกำกับดูแลเพียงพอ ช่องโหว่เหล่านี้ทำให้เสื้อผ้าที่มีความเสี่ยงสูงสามารถเข้าสู่ตลาดไทยได้ง่ายกว่า ซึ่งไม่เพียงกระทบผู้บริโภคในวันนี้ แต่ได้สะสมเป็นปัญหาสุขภาพในระยะยาวต่อสังคมไทยโดยรวม

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสารเคมีอันตรายในเสื้อผ้าและต้นทุนที่ซ่อนอยู่ในระบบฟาสต์แฟชั่น มีการจัดนิทรรศการ “KILLER LOOKS TOXIC FIT CHECK: สวยจะตาย” เพื่อถ่ายทอดข้อมูลจากรายงาน ผ่านงานจัดแสดงที่นำเสนอความเสี่ยงจากสารเคมีในเสื้อผ้าจากแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และลงมือทำจริง รวมทั้งวงเสวนาว่าด้วยแฟชั่น การบริโภค และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลที่ผู้บริโภคควรเข้าถึง ผู้บริโภคสามารถเข้าชมได้ระหว่างวันที่ 2 – 7 ธันวาคม 2568 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

อ้างอิงเนื้อหา