
ผู้บริโภคต้องตรวจสอบข้อมูลให้ครบ ก่อนใช้สิทธิ คนละครึ่งพลัส เริ่ม 29 ต.ค.นี้ ทั้งขั้นตอน การจ่ายเงิน พร้อมระวังมิจฉาชีพที่อาจเข้ามาสวมรอย
สภาผู้บริโภคแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคและประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เตรียมความพร้อมก่อนวันเริ่มใช้สิทธิในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าในวันแรกจะมีผู้เข้าใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือจี วอลเล็ต (G Wallet) เกิดความหนาแน่น ส่งผลให้ทำรายการล่าช้า หรือไม่สำเร็จในบางช่วง
ทั้งนี้จากการเปิดโครงการฯ รูปแบบเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา มักพบปัญหาทางเทคนิคในช่วงวันแรก เช่น ยอดเงินโอนซ้ำ โอนผิดจำนวน หรือทำรายการไม่สำเร็จแต่ยอดเงินถูกหัก สภาผู้บริโภคแนะนำให้ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและประวัติการทำรายการในแอปฯ ทุกครั้ง หากพบความผิดปกติ เช่น เงินเข้าหรือออกผิดจำนวน สามารถแจ้งศูนย์ช่วยเหลือของธนาคารกรุงไทยเบอร์ 02-111-1111 หรือติดต่อผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส เบอร์ 02-111-1122 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ได้ออกมาเตือนว่ามิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสในช่วงเปิดใช้สิทธิวันแรก โดยอาจส่งข้อความสั้น (SMS) หรือข้อความผ่านแอปฯ ไลน์ (LINE) แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่โครงการ เชิญชวนให้ลงทะเบียนซ้ำ หรือกดยืนยันสิทธิใหม่ผ่านลิงก์ปลอม ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลหรือเงินในบัญชี จึงไม่ควรกดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลที่ไม่รู้จัก และควรตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางทางการของหน่วยงานหรือธนาคารเท่านั้น
สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ขอให้ตรวจสอบระบบและยอดเงินที่ได้รับจากการใช้สิทธิของผู้บริโภคทุกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาดของระบบในวันแรก รวมถึงควรแสดงป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน และไม่เรียกเก็บเงินสดเพิ่มจากส่วนที่รัฐสนับสนุน หากร้านค้าพบความผิดปกติ เช่น เงินไม่เข้าระบบ หรือยอดรับชำระไม่ครบ ควรบันทึกหลักฐานและแจ้งศูนย์ช่วยเหลือของโครงการฯ โดยเร็ว
พร้อมกันนี้ สภาผู้บริโภคเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังร้านค้าที่มีพฤติกรรมไม่เป็นธรรม เช่น ปรับขึ้นราคาสินค้าจากราคาปกติ ไม่แสดงป้ายราคา หรือเรียกเก็บเงินเกินสิทธิ ซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค หากพบพฤติกรรมดังกล่าว สามารถร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สภาผู้บริโภค หรือแจ้งกรมการค้าภายใน สายด่วน 1569 และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สายด่วน 1166 ได้ทันที โดยร้านค้าที่กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งกำหนดโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท หากไม่ปิดป้ายราคา และหากขายสินค้าเกินราคาหรือเอาเปรียบผู้บริโภค ถูกปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือโทษจำคุกถึง 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ก่อนถึงวันที่ 29 ตุลาคม สภาผู้บริโภคขอให้ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าตรวจสอบระบบแอปฯ เป๋าตัง ให้เรียบร้อย ตรวจสอบยอดเงินสนับสนุนที่ได้รับหรือยอดเงินที่โอนเข้าร้านค้า และใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ “ร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส” เพื่อให้การใช้สิทธิเป็นไปอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการใช้สิทธิโครงการ คนละครึ่งพลัส ผ่านแอปฯ เป๋าตัง มีวิธีการดังนี้ โดยเข้าไปที่การใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส สแกนคิวอาร์ โค้ด (QR Code) เพื่อใช้จ่ายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการแบบร่วมจ่าย (Co-Payment) ต่อมา เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก 1. แบนเนอร์โครงการคนละครึ่ง พลัส 2. กดปุ่ม สแกนคิวอาร์ โค้ด เพื่อใช้สิทธิ 3. สแกนคิวอาร์ โค้ด ที่ร้านค้าถุงเงิน 4. กดปุ่ม ยืนยัน เพื่อยืนยันการชำระเงิน 5. ใส่รหัส “พิน” (PIN) เป๋าตัง 6 หลัก และ 6. บันทึกสลิป ทำรายการสำเร็จ โดยผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายได้ผ่านเป๋าตังได้วงเงิน 200 บาท/คน/วัน แต่หากใช้ไม่ครบ 200 บาท/คน/วัน วงเงินดังกล่าวจะถูกสะสมไว้ พร้อมมีการคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิและจะคำนวณสิทธิใหม่ในเวลา 06:00 น. ของทุกวัน



