
รูดม่าน กัญชาเสรี หลัง ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กำหนดให้ใช้ได้เฉพาะกัญชาทางการแพทย์ ผู้บริโภคต้องเข้าใจใหม่ ใช้อย่างไรไม่ผิดกฎหมาย ระวังทำผิดโดยไม่รู้ตัว
ในช่วงที่ผ่านมา กัญชาเสรี ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของผู้บริโภค สภาผู้บริโภคได้เสนอข้อเสนอเชิงนโยบายหลายด้าน เช่น การควบคุมสารออกฤทธิ์ในอาหาร การควบคุมการโฆษณา และการสร้างระบบติดตามผลหลังวางตลาด
ล่าสุด จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … ที่ให้การใช้กัญชาอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด โดยสามารถใช้ได้ เฉพาะเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ทำให้สถานะของกัญชาเปลี่ยนไปจากเดิมที่เสรีมากขึ้น กลับมาอยู่ในข่ายการควบคุมคล้ายยาเสพติด
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับใหม่ คือการยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปี 2565 และกำหนดให้ เฉพาะ ช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม หากใครต้องการศึกษาวิจัย ส่งออก แปรรูป หรือจำหน่ายช่อดอกกัญชา ต้องขอใบอนุญาตตามมาตรา 46 และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ต้องรายงานข้อมูลตามแบบฟอร์มของอธิบดี และสินค้าที่จำหน่ายต้องมาจากแหล่งเพาะปลูกที่ได้มาตรฐานตามที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ รับรอง
นอกจากนี้ ยังห้ามจำหน่ายกัญชาในร้านทั่วไป เว้นแต่เป็นสถานพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตโดยตรง รวมถึงห้ามจำหน่ายผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติหรือออนไลน์ ห้ามโฆษณาทุกรูปแบบ และห้ามจำหน่ายในสถานที่สาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ หรือสวนสนุก เป็นต้น
สำหรับ การใช้กัญชาทางการแพทย์ หมายถึง การใช้โดยอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาต เช่น แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยต้องมีใบสั่งแพทย์ หรือได้รับคำแนะนำจากสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐ
สภาผู้บริโภค สนับสนุนแนวทางการควบคุมกัญชาให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสุขภาพและสิทธิของผู้บริโภค และสามารถป้องกันการใช้กัญชาโดยไม่รู้เท่าทัน ที่อาจนำไปสู่ผลกระทบต่อสุขภาพ
ที่ผ่านมา ความเสี่ยงจากการใช้กัญชาไม่ถูกวิธี มักปรากฏให้เห็นอยู่เสมอในช่วงกัญชาเสรี เช่น กรณีเด็กอายุ 5 ขวบกินขนมโตเกียวสอดไส้กัญชาโดยไม่รู้ตัว แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือกรณีร้านอาหารนำกัญชาผสมในเมนูโดยไม่แจ้งลูกค้า เช่น ร้านก๋วยจั๊บที่ลูกค้ารับประทานเข้าไปแล้วมีอาการมึนงง คลื่นไส้ และอาเจียนทันที แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของการควบคุม และความไม่รู้ของผู้บริโภคที่อาจนำไปสู่ภัยสุขภาพอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่เพียงแค่ผลกระทบจากการบริโภคโดยตรง สภาผู้บริโภคยังได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบอื่น ๆ อย่างกรณีมีผู้สูบกัญชาในคอนโดแล้วกลิ่นรบกวนผู้อื่น ส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ป่วย เด็กเล็ก หรือผู้มีโรคประจำตัว สะท้อนให้เห็นว่าการใช้กัญชาหากไม่อยู่ในระบบที่มีการควบคุมที่ดี ย่อมกระทบสิทธิของผู้บริโภครายอื่น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค เคยเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายหลายประการ เพื่อให้การใช้กัญชาในสังคมไทยเป็นไปอย่างปลอดภัย และไม่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภค เช่น การควบคุมปริมาณสารออกฤทธิ์ THC ในอาหารและเครื่องดื่มอย่างชัดเจนและเหมาะสม เพื่อป้องกันการบริโภคโดยไม่รู้ตัว เสนอให้เพิ่มมาตรการคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยระบุชัดว่า บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีควรงดเว้นการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชา และให้ระบุข้อความเตือนอย่างชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐเข้มงวดกับการโฆษณาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่มักมีการแอบอ้างเกินจริง พร้อมเสนอให้มีระบบติดตามผลหลังการวางตลาด และเปิดช่องทางร้องเรียนที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สภาผู้บริโภคร้อง สธ. ควบคุมอาหารผสมกัญชา เสี่ยงภัยสุขภาพผู้บริโภค
- จุดยืน “ปลดล็อกกัญชา” ต้องเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่สันทนาการ
- ประกาศคุมช่อดอกกัญชา ยังน่ากังวล ชง 3 กระทรวง คุมเข้มอาหารผสมกัญชา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีแนวนโยบายและกฎหมายที่ชัดเจนแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งด้านการควบคุมการโฆษณา การจำหน่าย รวมถึงการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ท้องตลาด เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบหรือแอบอ้างโดยไม่มีการควบคุม
หากผู้บริโภคพบว่า มีการใช้หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาโดยไม่ถูกต้อง หรือเกิดผลกระทบต่อสุขภาพจากการใช้กัญชาโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น อาการแพ้ กลิ่นรบกวน หรือการโฆษณาเกินจริง สามารถร้องเรียน ได้ที่ สภาผู้บริโภค โทร 1502 หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://complaint.tcc.or.th/complaint