ลุ้นศาลฯ คุ้มครองชั่วคราว ประมูลคลื่นผิด กม. บีบผู้บริโภคไร้ทางเลือก

วันที่ 20 มิถุนายนนี้ จะครบกำหนดที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ในคดีที่สภาผู้บริโภคยื่นฟ้องเพิกถอนประกาศ กสทช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอนุญาตใช้คลื่นความถี่ย่านกลาง จะต้องทำคำชี้แจงประกอบการพิจารณาของศาลฯ เพื่อมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวต่อไป

ก่อนหน้านี้ สภาผู้บริโภคมีความพยามยามในการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินเพื่อทุเลาการบังคับใช้ ประกาศการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz ซึ่งถือเป็นย่านความถี่หลักในการให้บริการสื่อสารไร้สาย ที่ประชาชนใช้งานในชีวิตประจำวัน ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ขณะที่มีความเคลื่อนไหวของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหยุดการประมูลคลื่นความถี่ที่ขัดต่อกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน อย่างคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ยื่นหนังสือถึง กสทช. เพื่อชะลอการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ออกไป

เอกชนจ่อยื่น 2 รายเข้าข่ายฮั้วประมูล

การเปิดประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของสำนักงาน กสทช. ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ จะเป็นการประมูลพร้อมกัน 4 ย่านความถี่ โดยมีระยะเวลาสัญญา 15 ปี ได้แก่ 1. 850 MHz จำนวน 2 ชุดความถี่ ราคาเริ่มต้น 7,738.23 ล้านบาท 2. 1500 MHz จำนวน 11 ชุดความถี่ ราคาเริ่มต้น 1,057.49 ล้านบาท 3. 2100 MHz จำนวน 15 ชุดความถี่ ราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท และ 4. 2300 MHz จำนวน 7 ชุดความถี่ ราคาเริ่มต้น 2,596.15 ล้านบาท หัวใจสำคัญ คือความถี่ย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz ที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ถืออยู่กำลังจะหมดสัมปทาน และแสดงความจำนงค์แล้วว่าไม่ประมูลต่อ เท่ากับมีผู้ประกอบการเพียง 2 ราย คือเอไอเอส และทรู เข้าประมูลในราคาที่ถูกลงอย่างมาก

“รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้ NT เข้าร่วมประมูล ซึ่งเมื่อไม่มีการแข่งขันทำให้การประมูลครั้งนี้เป็น ‘การฮั้วประมูล’ โดยปริยาย ซึ่งตามประกาศหลักเกณฑ์ในการประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. กำหนดราคาประมูลขั้นต่ำไว้ต่ำกว่าราคาตลาดที่เป็นจริงหากเทียบเคียงกับค่าเช่าคลื่นของทั้งสองบริษัทในปัจจุบัน” เมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ระบุ

ขอบคุณภาพจากมติชน

วันเดียวกัน ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ได้โพสต์ความเห็นส่วนตัวที่สรุปไว้ท้ายมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 11/2568 ที่มีมติให้จัดประมูลคลื่นความถี่ทั้ง 4 ย่าน ถือเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยที่มีความเห็นต่างในหลายประเด็น โดยเฉพาะราคาประมูลคลื่นความถี่ที่เห็นว่าคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz มีมูลค่า 12,669.10 ล้านบาท และคลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz มีมูลค่า 7,309.10 ล้านบาท โดยคิดจากประมาณการค่าใช้บริการข้ามโครงข่าย (Roaming) ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างจากราคาที่ กสทช. กำหนดค่อนข้างมาก และที่สำคัญ (ร่าง) ประกาศประมูลคลื่นในครั้งนี้ ไม่มีการออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่ช่วยส่งเสริมการแข่งขันในตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มากเพียงพอสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่หรือรายเล็ก เช่น ไม่มีมาตรการการสงวนคลื่นบางส่วน (Set Aside) หรือมาตรการส่งเสริม MVNO ที่เด่นชัด

ขอบคุณภาพจาก The Momentum

กสทช. เปิดช่องผูกขาดตลาด

ขณะที่ ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.พรรคประชาชน และคณะทำงานขององค์กรอิสระ และการประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. ได้ให้ความเห็นในการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของ กสทช. ที่ผ่านมา ไม่ได้กำกับดูแล และยังเปิดช่องให้มีการผูกขาด ก่อนที่ กสทช. จะเปิดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ จำเป็นต้องออกแบบสภาพตลาดการแข่งขันในตลาดให้มีผู้เล่นรายใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ไม่ได้ทำหน้าที่และเพิกเฉยในการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม

“การประมูลที่เกิดขึ้นเพื่อให้ต่อใบอนุญาตใหม่ แต่ไม่ได้เปิดประมูลเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นคงไม่เหลือผู้เล่นในตลาดเพียง 2 ราย หรือกสทช.ต้องการให้ตลาดเป็นอย่างนี้” คณะทำงานพรรคประชาชนตั้งข้อสังเกต

ขอบคุณภาพจากไทยรัฐ

อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานฯ รักษาการแทนเลขาธิการ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมขณะนี้ กสทช. ไม่สามารถดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เมื่อสัญญาณโทรศัพท์ของค่ายหนึ่งล่ม ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างมหาศาล ใช้เวลาในการแก้ปัญหานาน ผู้บริโภคขาดอำนาจต่อรองในการเยียวยา ขณะที่ราคาอัตราค่าบริการก็ขยับขึ้น โดยที่ประชาชนไม่มีอำนาจต่อรองใด ๆ

ตลาดโทรคมนาคมขณะนี้ เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่ผูกขาด แทบจะไม่มีการแข่งขัน เพราะการควบรวมกิจการทรูกับดีแทค ส่งผลให้เหลือผู้ประกอบการเพียง 2 ราย การปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. มีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 60 ที่ระบุให้คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ ที่ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชน