
“พ.ร.บ.ตั๋วร่วม” หรือชื่อเต็มว่า พระราชบัญญัติการจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … กำลังเป็นความหวังของผู้โดยสารระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศ เพราะจะเป็นกฎหมายที่วางรากฐานให้ประชาชนสามารถใช้ “บัตรใบเดียว” หรือ “ระบบชำระค่าโดยสารเดียว” เดินทางได้ทุกโหมด ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ รถไฟ และระบบขนส่งในภูมิภาคในอนาคต
ที่ผ่านมา ประเทศไทยพยายามผลักดันแนวคิด “ตั๋วร่วม” มานานกว่าทศวรรษ แต่ติดปัญหาเรื่องการบริหารจัดการที่ซับซ้อนและการประสานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีผู้ดูแลหลายราย เช่น กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร และเอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้า ทำให้แนวคิด “บัตรใบเดียว ใช้ได้ทุกระบบ” ยังไม่เกิดขึ้นจริงเสียที
ไทม์ไลน์ความคืบหน้า พ.ร.บ.ตั๋วร่วม
- 3 ธันวาคม 2567 : คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ. จัดการระบบตั๋วร่วม ที่กระทรวงคมนาคมเป็นผู้เสนอ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่รัฐบาลแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้จริงจัง
- 29 มกราคม 2568 : สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา วาระ 1 และมีมติเอกฉันท์ “รับหลักการ” ของร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม
- 27 สิงหาคม 2568 : สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา วาระ 2 และ 3 และมีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา
- 21 ตุลาคม 2568 : วุฒิสภามีมติ “เห็นชอบ” ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ อย่างเป็นเอกฉันท์อีกครั้ง
ขั้นตอนต่อจากนี้
หลังจากวุฒิสภาเห็นชอบแล้ว ร่างกฎหมายจะถูกส่งให้ ประธานรัฐสภา เพื่อนำเสนอ คณะรัฐมนตรี ภายใน 1–2 สัปดาห์ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน 2568 จากนั้น ครม. จะดำเนินการ นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งโดยทั่วไปอาจใช้เวลา 3 – 6 เดือน
เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว กฎหมายจะถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายใน 1–2 สัปดาห์ และมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป คาดการณ์ได้ว่าช่วงเวลาที่ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมจะเริ่มมีผลจริงอาจอยู่ระหว่าง มกราคมถึงพฤษภาคม 2569
ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ
เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดตั้ง “หน่วยงานกลาง” เพื่อกำกับดูแลระบบตั๋วร่วมทั้งหมด ทั้งด้านโครงสร้างข้อมูล มาตรฐานเทคโนโลยี และการบริหารรายได้จากการเดินทางระหว่างผู้ให้บริการ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างระบบตั๋วร่วมแบบแท้จริง ที่สามารถเชื่อมโยงทุกโหมดขนส่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และนครราชสีมา
นอกจากนี้ กฎหมายยังจะช่วยลดภาระของผู้โดยสารในระยะยาว เพราะไม่ต้องถือบัตรหลายใบหรือใช้แอปฯ หลายระบบอีกต่อไป พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและผู้ให้บริการทางการเงินเข้ามาพัฒนานวัตกรรมการชำระเงิน เช่น e-wallet, QR Transit, หรือบัตรเดบิตที่ใช้เป็น “ตั๋วร่วม” ได้ในตัว
“พ.ร.บ.ตั๋ว” ร่วมจึงเป็นมากกว่ากฎหมายทั่วไป แต่คือ “ก้าวสำคัญของนโยบายสาธารณะ” ที่มุ่งให้ประชาชนเข้าถึงระบบขนส่งที่สะดวก เท่าเทียม และโปร่งใส
ที่มาข้อมูล
ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม เชื่อมโยงระบบการเก็บค่าโดยสาร
สภาฯ ไฟเขียว! 367 เสียงเอกฉันท์ ผ่านวาระแรก ร่าง “พ.ร.บ. ตั๋วร่วม” ปลดล็อกระบบขนส่งไทย
สภาฯ มติเอกฉันท์ผ่านร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม ปูทางบัตรเดียวใช้ได้ทุกระบบขนส่ง



