Getting your Trinity Audio player ready... |

เมื่อพูดถึงการคุ้มครองผู้บริโภค หลายคนอาจนึกถึงสภาองค์กรของผู้บริโภคในระดับประเทศเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว การขับเคลื่อนสิทธิของผู้บริโภคที่มีพลังที่สุด มักเริ่มต้นจาก “พื้นที่” ใกล้ตัว
ปัจจุบัน สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ขยายภารกิจสู่ระดับจังหวัด ผ่านการจัดตั้ง “หน่วยประสานงานสภาผู้บริโภค” ใน 12 พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อทำหน้าที่เป็นด่านหน้าคุ้มครองสิทธิให้กับประชาชนในแต่ละชุมชนอย่างใกล้ชิด หน่วยประสานฯ เหล่านี้มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ให้คำปรึกษา ประสานความช่วยเหลือ และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิผู้บริโภคอย่างเป็นระบบ โดยทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่น หน่วยบริการสุขภาพ ภาคประชาชน และเครือข่ายในพื้นที่อย่างแน่นแฟ้น
12 หน่วยประสานที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ ได้แก่
- หน่วยรับเรื่องร้องเรียนอิสระ มาตรา 50(5) จังหวัดกำแพงเพชร
- ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน จังหวัดนครสวรรค์
- ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จังหวัดพิจิตร
- เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จังหวัดอุบลราชธานี
- เครือข่ายตลาดนัดสีเขียว จังหวัดบุรีรัมย์
- ชมรมสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคบ้านร่องเก้าเหนือ ม.15 จังหวัดศรีสะเกษ
- ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา
- ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จังหวัดฉะเชิงเทรา (ประเด็นเกษตรกร)
- หน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน มาตรา 50(5) อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
- เครือข่ายผู้บริโภค จังหวัดภูเก็ต
- เครือข่ายผู้บริโภค จังหวัดกระบี่
- ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดเพชรบุรี
ในครั้งนี้ชวนรู้จัก “2 หน่วยประสานงาน” ที่กำลังเดินหน้าอย่างน่าจับตามอง ได้แก่ หน่วยประสานงานสภาผู้บริโภคจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดอุบลราชธานี กับภาพจริงของการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับพื้นที่
ปทุมธานี : ปั้นทีมประสานช่วยเหลือผู้บริโภคครอบคลุมทั้งจังหวัด
ณ ห้องประชุม รพ.สต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี หน่วยประสานงานสภาผู้บริโภคจังหวัดปทุมธานีจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมทัพความรู้และพลังใจให้แก่คณะทำงานองค์กรผู้บริโภค โดยประธานหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระฯ มาตรา 50(5) อ.ธัญบุรี และ หัวหน้าหน่วยประสานงานสภาผู้บริโภคจังหวัดปทุมธานี ชี้แจงวัตถุประสงค์และกล่าวเปิดการประชุมร่วมกัน ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน และนายพงศ์ธร จันทรัศมี หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนสมาชิกและองค์กรของผู้บริโภค นำทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนจากส่วนกลางลงพื้นที่ ร่วมแลกเปลี่ยน แชร์แนวทาง และผลักดันให้หน่วยประสานฯ ปทุมธานี เดินหน้าได้อย่างมั่นคง
ภายในกิจกรรมมีการให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการงานรับเรื่องร้องเรียน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค 9 ด้าน ด้านการเงินและการธนาคาร ด้านการขนส่งและยานพาหนะ ด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย ด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้านบริการสุขภาพ ด้านสินค้าและบริการทั่วไป ด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม และด้านการศึกษา ไปจนถึงการฝึกใช้งานระบบ CRM เพื่อเก็บข้อมูลการร้องเรียนและติดตามผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ภารกิจของหน่วยประสานฯ ไม่เฉพาะจังหวัดปทุมธานี รวมทั้ง 12 หน่วย เริ่มดำเนินงานรับเรื่องร้องเรียนในปีงบประมาณ 2568 เฉลี่ยกว่า 10 เรื่องต่อเดือน พร้อมลงพื้นที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่ได้แค่ “รับฟัง” แต่ยังทำให้ประชาชนมั่นใจว่า “พร้อมอยู่ข้างผู้บริโภค”


อุบลราชธานี : จากผู้บริโภคเงียบสู่ชุมชนตื่นรู้และเข้มแข็ง
ขยับมาทางอีสาน จังหวัดอุบลราชธานี มี 2 เรื่องราวจากสองชุมชนที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของบทบาท “ผู้บริโภค” จากผู้เดียวดาย สู่การรวมพลังเพื่อดูแลกัน
เรื่องแรก ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ตำบลหนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ “ต่าย-วรรณณี โสดาดวง” นักวิชาการสาธารณสุขในบทบาทพี่เลี้ยงหน่วยประสานฯ ได้จัดอบรมแกนนำผู้บริโภคในพื้นที่อย่างใกล้ชิดท่ามกลางการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการองค์กร ผู้นำชุมชน และสมาชิกชมรมฯ ที่มาเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการทดสอบความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภค โดยใช้แบบทดสอบก่อน-หลัง ซึ่งผู้เข้าร่วมทำคะแนนได้สูงถึง 9 เต็ม 10 คะแนน สะท้อนว่าเนื้อหานั้นเข้าถึงและจับต้องได้จริง ทั้งเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคใน 5 ข้อ การรู้จักปัญหาผู้บริโภค ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการเมื่อถูกละเมิดสิทธิ แต่ไฮไลท์เวทีนี้ คือ “เวิร์กช็อปจากสถานการณ์จริง” หนึ่งในกรณีตัวอย่างคือ ผู้บริโภคสั่งซื้อครีมจากเฟซบุ๊กแบบเก็บเงินปลายทาง เมื่อได้รับสินค้า กลับพบว่าไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่มีเลขจดแจ้ง ไม่มีแม้แต่ข้อมูลว่าผลิตที่ไหน เป็นของใคร? ผู้บริโภครายนี้จึงลังเลที่จะใช้ และตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนต่อชมรมฯ
กรณีนี้ถูกยกมาเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ว่า “ผู้บริโภคต้องรู้ทันตลาดออนไลน์” และต้องกล้าทวงถามสิทธิของตัวเอง ทั้งในแง่ความปลอดภัย ข้อมูลที่ครบถ้วน และการร้องเรียนหากเกิดความเสียหาย ผู้เข้าร่วมอบรมยังได้ร่วมวิเคราะห์ว่า ชุมชนควรมีระบบคัดกรองหรือตรวจสอบสินค้าอย่างไร และจะสื่อสารเรื่องสิทธิไปถึงคนรอบข้างอย่างไรให้เข้าใจง่าย สิ่งที่น่าประทับใจในเวทีนี้ ไม่ใช่แค่การรับฟัง แต่คือการลุกขึ้นมาร่วมคิด ร่วมเสนอ และร่วมออกแบบแนวทางคุ้มครองสิทธิของตัวเองและคนในชุมชนอย่างจริงจัง

เรื่องต่อมา ในเดือนเดียวกัน ที่ รพ.สต.บาก ตำบลหนองผือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ชมรมองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคตำบลหนองผือ จัดกิจกรรมอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำผู้บริโภคในพื้นที่ ภายใต้โครงการหน่วยประสานงานสภาผู้บริโภคจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดอุบลราชธานี กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากภาคีในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการองค์กร ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ประธาน อสม. คุณครูจากโรงเรียนในพื้นที่ และผู้อำนวยการ รพ.สต. ที่ต่างพร้อมใจเข้าร่วมและสนับสนุนการเริ่มต้นของกลไกคุ้มครองผู้บริโภคในตำบลหนองผือ
เนื้อหาการอบรมมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค และ 9 ด้านของปัญหาที่มักเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยใช้แบบทดสอบก่อน–หลังเพื่อวัดความเข้าใจ ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่สามารถทำคะแนนได้ใกล้เต็ม ถือเป็นสัญญาณบวกของการเรียนรู้ที่จับต้องได้ จุดเปลี่ยนสำคัญของเวทีนี้ คือการวิเคราะห์กรณีศึกษาจริงจากในชุมชน ผู้บริโภคซื้อปลากระป๋องจากร้านค้าในพื้นที่ แล้วพบว่ารสเปรี้ยวผิดปกติ เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าเป็นสินค้าหมดอายุ กรณีนี้กลายเป็นจุดตั้งต้นของการออกแบบแนวทางดูแลกันเองในชุมชน วิทยากรเสนอให้รับเรื่องไว้เป็นเคสร้องเรียน พร้อมเสนอให้ตั้ง “ทีมเฝ้าระวังสินค้าในชุมชน” เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้าอันตรายหรือหมดอายุในร้านค้าทั่วตำบล และสื่อสารเตือนภัยผู้บริโภคผ่านช่องทางที่เข้าถึงง่าย

วันนี้การทำงานของหน่วยประสานงานสภาผู้บริโภคทั้ง 12 หน่วย ไม่ได้เป็นเพียงกลไกรับเรื่องร้องเรียน แต่คือการจุดประกายให้ชุมชนลุกขึ้นมาคุ้มครองกันเองด้วยความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง จากเวทีเล็ก ๆ ในตำบล กลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ที่สร้างแรงกระเพื่อมในระดับจังหวัด ทั้งปทุมธานีและอุบลราชธานีแสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อมีทีมที่ลงมือจริง ฟังจริง และอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างต่อเนื่อง สิทธิของผู้บริโภคก็จะไม่ใช่แค่เรื่องของใครคนเดียว แต่คือพลังร่วมของทั้งชุมชนที่ จะไม่ยอมให้ความไม่เป็นธรรมถูกมองข้ามไปอีกต่อไป