| Getting your Trinity Audio player ready... |

กาญจนบุรีเดินหน้าปฏิรูปการเดินทางของประชาชน ตั้งเป้าเป็น เมืองต้นแบบขนส่งสาธารณะ ใช้ EV Bus ค่าโดยสารเข้าถึงได้ และเชื่อมต่อพื้นที่สำคัญอย่างทั่วถึง พร้อมวางแผน Smart Bus และขยายเส้นทาง เพื่อเป็นโมเดลพัฒนาขนส่งสาธารณะสู่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ
ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดกาญจนบุรี จัดเวทีเปิดตัว “โครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัย เป็นธรรมในวันที่ 4 พฤษจิกายน ที่ผ่านมา โดยการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคจังหวัดกาญจนบุรี” ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายก อบจ.กาญจนบุรี เป็นประธาน พร้อมทั้งตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายแพทย์ประวัติ กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดกาญจนบุรี เป็นนโยบายสำคัญมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้เข้าถึงบริการขนส่งที่ได้มาตรฐาน สะดวก ปลอดภัย และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมเหมือนเมืองใหญ่ในต่างประเทศที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีและมีประสิทธิภาพ โดย อบจ.กาญจนบุรี ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนโครงการ EV Bus เส้นทางลาดหญ้า-ท่าม่วง ระยะทาง 30 กิโลเมตร รูปแบบซิตี้บัสครอบคลุมโรงเรียน หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และแหล่งธุรกิจ มีจุดจอดประมาณ 80 จุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงเทศกาลปีใหม่
นายแพทย์ประวัติ กล่าวว่า มีการกำหนดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทต่อเที่ยว ใช้งบประมาณดำเนินการราว 20 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ในสัดส่วนใกล้เคียงกับค่าใช้จ่าย พร้อมพัฒนาระบบ Smart Bus ทั้งแอปพลิเคชันติดตามรถและระบบชำระเงินแบบดิจิตอล หรือ Cashless ในระยะต่อไป
นอกจากนี้จะมีการพัฒนาเส้นทางที่ 2 และ 3 ครอบคลุม อ.ด่านมะขามเตี้ย เมืองกาญจนบุรี และ อ.เลาขวัญ เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางหลัก ถือเป็นการลงทุนเพื่อประโยชน์สาธารณะ ลดภาระค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ลดปริมาณรถบนถนน และเชื่อมโยงกับระบบรางและแหล่งท่องเที่ยว
“อบจ. ขาดทุนได้เพื่อการจัดระบบขนส่งสาธารณะ การยกระดับบทบาทของ อบจ. จากผู้ก่อสร้างสาธารณูปโภคมาเป็นผู้บริการสาธารณะ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม หากกาญจนบุรีทำสำเร็จจะเป็น เมืองต้นแบบขนส่งสาธารณะ ให้จังหวัดอื่นเร่งพัฒนาตาม เกิดผลเชิงโดมิโน่ต่อระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศ และทำให้คนไทยได้รับสิทธิการเดินทางที่ปลอดภัยและเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น” นายแพทย์ประวัติ กล่าว
อมาวลี หนองพรหมมา ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรม จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ประชาชนและนักเรียนในกาญจนบุรีกำลังประสบปัญหาการเดินทาง หลังรถโดยสารสายกรุงเทพฯ – กาญจนบุรี หยุดให้บริการ ทำให้ต้องใช้รถจากจังหวัดใกล้เคียง ส่งผลต่อความสะดวกและความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ขณะเดียวกัน นักเรียนจำนวนมากยังต้องเดินทางด้วยรถที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น รถกระบะดัดแปลง หรือขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ โครงการจึงมุ่งสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัย เท่าเทียม และตอบโจทย์ประชาชน มีเป้าหมายคือการผลักดันให้กาญจนบุรีเป็นจังหวัดต้นแบบด้านระบบขนส่งสาธารณะที่ประชาชนเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ปลอดภัย และมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
ทั้งนี้มีแผนดำเนินงานเน้น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
1️. ส่งเสริมบทบาท อบจ. ให้มีแผนบริการขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรม และผลักดันเข้าสู่แผนพัฒนาท้องถิ่น
2. ผลักดันเรื่องความปลอดภัยการเดินทางของนักเรียน และขยายโรงเรียนต้นแบบเพิ่ม 10 โรงเรียน
3. สร้างกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ผู้บริโภคสะท้อนปัญหาการให้บริการ พร้อมร่วมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาใช้ EV Bus
คงศักดิ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะใน 12 จังหวัดทั่วประเทศกำลังเดินหน้า เพื่อยกระดับการเดินทางให้ครอบคลุม เข้าถึงได้ และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยโครงการไม่ได้ทำเฉพาะเรื่องระบบขนส่งสาธารณะเท่านั้น แต่รวมถึงการแก้ปัญหาการเดินทางของนักเรียน และการสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคจากทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนอนุญาตเส้นทาง
คงศักดิ์ระบุว่า แนวคิดหลักคือการผลักดันทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นบริการขั้นพื้นฐานของท้องถิ่น ให้ประชาชนเดินทางได้ทุกวันอย่างปลอดภัย พร้อมสร้างความเข้าใจเรื่องอำนาจท้องถิ่นในการจัดบริการขนส่งให้ตอบโจทย์พื้นที่ และมุ่งสู่ “3 ลด” ได้แก่ ลดอุบัติเหตุ ลดใช้รถส่วนบุคคล และลดมลพิษ
นอกจากนี้ ได้ยกตัวอย่างแนวคิดจากผู้นำท้องถิ่นจากประเทศโคลัมเบียว่า “เมืองที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่เมืองที่คนต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัว แต่คือเมืองที่ทุกคนเลือกใช้ขนส่งสาธารณะ” สะท้อนว่าระบบขนส่งสาธารณะเป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมยืนยันว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนในทุกจังหวัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง



