Ribbon

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภค กระทบพันครอบครัว

Getting your Trinity Audio player ready...

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ผู้แทนชุมชนพญาไท จตุจักร และราชเทวี และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สรส.กทพ.) เข้าหารือกับสภาผู้บริโภค นำโดย สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค และ รสนา โตสิตระกูล ประธานอนุกรรมการบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม รับฟังผลกระทบจากผู้แทนเครือข่ายชุมชนใต้ทางด่วนกว่า 1,000 ครอบครัว ได้แก่ พญาไท จตุจักร ราชเวที จากโครงการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) งามวงศ์วาน – พระราม 9 ซึ่งขณะนี้ผ่านคณะกรรมการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) และอยู่ระหว่างเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว : ทิวารัตน์ พุ่มวารี

ทิวาลักษณ์ พุ่มวารี เลขาเครือข่ายชุมชนราชเทวี เปิดเผยว่า หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง ถนนในพื้นที่ชุมชนจะถูกปิดเป็นช่วง ๆ ทำให้ชุมชนตกอยู่ในความเสี่ยงสูงจากการเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ หรือมีผู้ป่วย รถพยาบาลไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ และปัญหาการเดินทางในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ ชุมชนได้ทำหนังสือขอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการนี้ แต่ไม่เคยได้รับรายงานฉบับเต็ม แม้เคยทำหนังสือขอข้อมูลตั้งแต่ ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับเอกสาร

“ประชาชนควรได้รับข้อมูลครบ ทำไม EIA ถึงไม่เปิดเผยให้สาธารณะเข้าถึงได้ วันนั้นท่านบอกว่าจะปิดถนน มีแนวทางเยียวยาอย่างไร ชาวบ้านจะเดินทางอย่างไร ถ้าเกิดเพลิงไหม้ เจ็บป่วย จะทำอย่างไร ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ วันนี้มาที่สภาผู้บริโภค ขอวิงวอนไปถึงผู้ที่ทำโครงการ ให้หันมามองประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วยค่ะ” ทิวาลักษณ์กล่าว

รัฐสูญ 1.7 แสนล้าน ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว : บัณฑิต พรึงลำภู

บัณฑิต พรึงลำภู ประธานสรส.กทพ. กล่าวว่า โครงการทางด่วน 2 ชั้นนี้ถูกดำเนินการในลักษณะ “โครงการลับ” เพราะเจ้าหน้าที่ กทพ. ส่วนใหญ่ไม่ทราบรายละเอียด มีเพียงทีมเล็ก 5–6 คนที่ผลักดัน ทั้งที่เป็นโครงการระดับหมื่นล้านและมีผลต่อประชาชนและสาธารณะอย่างมาก เช่นเดียวกับโครงการก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 โดยโครงการทางด่วน 2 ชั้นจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน มีความเสี่ยงมหาศาลทั้งประชาชน และรถที่จะติดเพิ่มชึ้นอย่างมาก

“สัญญานี้มีเงื่อนไขพิเศษที่อาจทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทั้งการขึ้นค่าทางด่วน การผูกพันทางกฎหมาย และความเสี่ยงต่อการต่อสัญญาไม่รู้จบ เราขอให้เปิดเผยสัญญา เพื่อให้ประชาชนและนักวิชาการร่วมตรวจสอบ ถ้าสัญญาไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐก็ควรหยุดทันที” บัณฑิตกล่าว

ทั้งนี้ เดิมสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 จะสิ้นสุดปี 2578 แต่โครงการนี้ทำให้สัญญาลากยาวไปถึง ปี 2601 รวมกว่า 22 ปี 5 เดือน โดยรัฐจะสูญเสียรายได้กว่า 170,000 ล้านบาท จากการแบ่งรายได้ที่ปรับจาก 60:40 เป็น 50:50 เพื่อแลกกับ “ลดค่าทางด่วน 50 บาท” ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะค่าทางด่วนจะกลับมาปรับขึ้นอีกในปี 2571 และ 2580

นอกจากนี้ การก่อสร้างโครงการในระยะ 4 ปี จะทำให้รถติดเพิ่มขึ้นในช่วงขั่วโมงเร่งด่วนอย่างน้อย 20 นาที และข้อมูลปริมาณรถช่วงปี 2562–2568 กลับพบว่าปริมาณรถที่ีใช้ทางด่วนในเขตดังกล่าว ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ลดลง สวนทางกับเหตุผลของฝ่ายผลักดันโครงการที่ยืนยันว่าจะช่วยแก้ไขการจราจรที่ติดขัด

ที่สำคัญ บัณฑิต กล่าวว่า การก่อสร้างขนาดใหญ่จะกระทบความปลอดภัยชุมชน เช่น อุบัติเหตุคานตก หรือปิดช่องจราจรคล้ายกรณีถนนพระราม 2 “พื้นที่กทม.แบกรับการก่อสร้างใหญ่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะตลอดแนวชุมชนกว่า 17 กิโลเมตร”

ประธานสหภาพฯ เสนอว่า หากรัฐนำรายได้ปีละ 7,500 ล้านบาท (หลังหมดสัมปทาน) มาใช้ประโยชน์ สามารถลดค่าทางด่วนได้อย่างยั่งยืน ลงทุนระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า หรือพัฒนาเส้นทางช่วยลดรถติดจริง เช่น N1–N3 เกษตร–นวมินทร์ ซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าโครงการทางด่วน 2 ชั้น

ชี้เข้าข่ายขัดพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว : อดิศักดิ์ สายประเสริฐ

อดิศักดิ์ สายประเสริฐ อนุกรรมการด้านขนส่งและยานพาหนะ กล่าวว่า โครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่มีมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ ต้องเปิดเผยข้อมูล เช่น รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รายงานการประชุมคณะกรรมการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) และร่างสัญญาสัมปทาน ต้องเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

“กระบวนการจัดทำโครงการ ต้องยึดหลักเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ประชาชนได้ประโดยชน์แค่ไหน กระบวนการเยียวยาเป็นอย่างไร ทั้งทางบวกและลบ ตาม พรบ.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน มาตรา 6 (5) ระบุไว้ชัดเจน การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อข้อมูลไม่โปร่งใส อาจขัดต่อกฎหมาย และประชาชนไม่ได้รับรู้ผลกระทบตามสิทธิ โครงการควรหยุดพิจารณา และทบทวนใหม่ทั้งหมด” อดิศักดิ์กล่าว

เรียกร้องหยุดโครงการกระทบประชาชน

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว : รสนา โตสิตระกูล

รสนา โตสิตระกูล ประธานอนุกรรมการบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โครงการนี้มีลักษณะ “ใช้อำนาจรัฐผ่องถ่ายผลประโยชน์ให้กลุ่มทุน” และต่อสัญญาข้ามศตวรรษ ทั้งที่ปี 2563 สัญญาทางด่วนควรกลับคืนสู่ประชาชนแล้ว แต่กลับมีความพยายามฟ้องร้อง และยอมความกัน ต่อสัญญาไปอีก 15 ปี ยังไม่พอจะขอทำโครงทางด่วน 2 ชั้น อ้างว่าเอกชนออกเงินให้ 3.4 หมื่นล้าน และต่อสัญญาไปอีก 22 ปี 5 เดือน จนถึงปี 2601

“รัฐอ้างว่าเอกชนออกเงิน 3.4 หมื่นล้าน แต่รัฐกลับเสียรายได้ 1.7 แสนล้าน นี่คือความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนอย่างร้ายแรง และการต่อสัญญาข้ามศตวรรษ บอกว่าประชาชนจะได้ส่วนลดค่าทางด่วน 50 บาท แต่ในปี 2571 จะขึ้นค่าทางด่วนเป็น 60 บาท ปี 2580 ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ที่ลดเหลือ 50 บาทก็เป็นเงินกทพ. จากการแก้ไขส่วนแบ่ง 60:40 เป็น 50:50 จะทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินถึง 1.7 แสนล้านบาท แทนที่จะนำเงินมาลดราคาให้ประชาชนได้ วิ่งฟรีช่วงกลางคืนได้ ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้ ซื้อรถเมลไฟฟ้าให้บริการได้ ทำประโยชน์มาก” รสนากล่าว

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว : สารี อ๋องสมหวัง

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาผู้บริโภค กล่าวปิดท้ายว่า งบประมาณแผ่นดินควรใช้สร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ทุกคนขึ้นได้ทุกวัน ในราคาไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ใช่นำมาใช้ก่อสร้างโครงการทางด่วน 2 ชั้น ผูกพันประชาชนให้จ่ายค่าผ่านทางอีก 22 ปี

สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้รัฐบาลถอนโครงการนี้ และเชิญชวนเครือข่าย 50 เขต ร่วมเวทีคัดค้านในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ที่ชุมชนพญาไท และอยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคเข้ามาร่วมและประกาศเจตนารมณ์ว่าไม่เอาทางด่วน 2 ชั้น

หยุด ทางด่วน 2 ชั้น ร้องสภาผู้บริโภคฯ กระทบพันครอบครัว :