สภาผู้บริโภคจับมือ 31 มหา’ลัย เดินหน้าสร้างระบบ คุ้มครองผู้บริโภค ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

Getting your Trinity Audio player ready...
สภาผู้บริโภคจับมือ 31 มหา’ลัย เดินหน้าสร้าง ระบบคุ้มครองผู้บริโภค ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

สภาผู้บริโภค จับมือเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย เพื่อสร้างความร่วมมือในเชิงวิชาการเพื่อพัฒนางาน คุ้มครองผู้บริโภค

วันที่ 6 มิถุนายน 2568 สภาผู้บริโภคจัด “พิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ” ร่วมกับเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย (คบอ.) เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนา ปรับปรุง หรือเสนอแนะงานวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค การสร้างการรับรู้ ตระหนักรู้ ส่งเสริม และปลูกฝังวัฒนธรรมการระวังและรักษาสิทธิของผู้บริโภคซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือในการจัดกิจกรรม/โครงการทางด้านวิชาการและด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค

สภาผู้บริโภคจับมือ 31 มหา’ลัย เดินหน้าสร้าง ระบบคุ้มครองผู้บริโภค ที่เข้มแข็งและยั่งยืน : บุญยืน ศิริธรรม

บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตระหนักร่วมกันว่า “การคุ้มครองผู้บริโภค” ไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากขาดฐานข้อมูล องค์ความรู้ และการสนับสนุนทางวิชาการที่เข้มแข็ง จากหน่วยงานที่มีบทบาทด้านการวิจัย การเรียนการสอน และการบริการวิชาการจากภาคอุดมศึกษา จะช่วยเสริมศักยภาพของสภาผู้บริโภคในการขับเคลื่อนภารกิจให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ยั่งยืน และพร้อมด้วยข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือจากเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย

“วันนี้เขาอาจจะรบกันที่ชายแดน แต่งานที่เราทำรบกันด้วยข้อมูล การสนับสนุนด้านวิชาการ จากภาคอุดมศึกษาจะช่วยทำให้การขับเคลื่อนานของสภาผู้บริโภคเป็นไปอย่างหนักแน่นมากขึ้น เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา คนทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคพร้อมสู้เสมอ แต่เขาขาดข้อมูลสนับสนุน ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การลงนามบนกระดาษ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อระบบการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ” ประธานสภาผู้บริโภค ระบุ

สภาผู้บริโภคจับมือ 31 มหา’ลัย เดินหน้าสร้าง ระบบคุ้มครองผู้บริโภค ที่เข้มแข็งและยั่งยืน : สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะเป็นผลดีต่องานคุ้มครองผู้บริโภคทั่วประเทศ สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวเสริมว่าสภาผู้บริโภคไม่ได้ทํางานเฉพาะที่ส่วนกลางแต่ยังมีองค์กรสมาชิกอยู่ใน 58 จังหวัด ซึ่งเป็นกําลังที่สําคัญในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้น การทําความร่วมมือครั้งนี้จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสภาผู้บริโภคส่วนกลางเท่านั้น แต่สำนักงานสภาผู้บริโภคจะประสานต่อไปยังหน่วยงาน และองค์กรสมาชิกในต่างจังหวัดเพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับพื้นที่ด้วย

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่สําคัญ และถือว่าเป็นมติของคณะกรรมการนโยบายให้ทําอยากให้ทำความร่วมมือด้านวิชาการกับสถาบันการศึกษาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทํางาน สนับสนุนด้านวิชาการ ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้ความร่วมมือหล่านี้เกิดขึ้นจริง จึงหวังว่าจะได้รับความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและในพื้นที่” นางสาวสุภาพร กล่าว

ผศ.ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ

ทางด้านนักวิชาการ มีความตื่นตัวและเล็งเห็นถึงคามจำเป็นในการจัดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผศ.ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ ประธานเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย ระบุว่าการทำให้คนมีความรู้ด้านการคุ้มครองผู้บริโค ควรเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรของสถาบันการศึกษา โดยควรเป็นวิชาภาคปฏิบัติมากกว่าเชิงทฤษฎี

“การทําให้คนสนใจและเข้าใจในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ต้องเริ่มจากการตระหนักรู้ก่อน เพราะบางทีถ้าไม่ใช่เรื่องตัวเอง เราก็อาจจะไม่สนใจ จะสนใจอีกทีเมื่อตัวเองประสบปัญหา ดังนั้นหากทำให้คนตระหนัก เข้าใจ และเห็นความสำคัญของการปกป้องสิทธิของตัวเอง ก็จะทำให้ผู้บริโภคเข้มแข็งมากขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองและคนรอบข้างได้”

ผูศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พราหมณพันธุ์

ขณะที่ ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พราหมณพันธุ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย ระบุว่า ประเด็นที่สำคัญคือ เราต้องพยายามนำความรู้ในมหาวิทยาลัยเนาะที่ถูกมองว่า”อยู่บนหอคอยงาช้าง” มาเผยแพร่และทำให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคเป็นด่านหน้าในการทำงานคุ้มครองผู้บริโภค จึงต้องมีกลยุทธ์ วิธีการ และที่สำคัญคือต้องมีข้อมูลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความหนักแน่นในการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค


รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกเครือข่ายบริการวิชาการสถาบันอุดมศึกษาไทย (คบอ.)

1. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หัวหน้าคณะทำงานภาคเหนือตอนบน)

2. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

3. มหาวิทยาลัยแม่โจ้

4. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

5. มหาวิทยาลัยพายัพ

6. มหาวิทยาลัยนเรศวร (หัวหน้าคณะทำงานภาคเหนือตอนล่าง)

7. มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

8. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 

9. มหาวิทยาลัยขอนแก่น (หัวหน้าคณะทำงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน)

10. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (หัวหน้าคณะทำงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง)

11. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

12. มหาวิทยาลัยบูรพา (หัวหน้าคณะทำงานภาคตะวันออก)

13. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์

14. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

15. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก

16. มาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา (หัวหน้าคณะทำงานภาคกลางตอนบน)

17. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี

18. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ

19. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (หัวหน้าคณะทำงานภาคกลางตอนล่าง)

20. มหาวิทยาลัยศิลปากร

21. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

22. มหาวิทยาลัยศรีปทุม

23. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

24. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี (หัวหน้าคณะทำงานภาคใต้ตอนบน)

25. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

26. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช              

27. มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (หัวหน้าคณะทำงานภาคใต้ตอนล่าง)

28. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

29. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย

30. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

31. มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์