| Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคชี้ มาตรการ “SMS ห้ามแนบลิงก์” ยังแก้สแกมเมอร์ไม่จบ แนะรัฐต้องทำครบวงจร ตั้งแต่ระบบเทคโนโลยี ครอบคลุมถึงการให้ความรู้ประชาชน
หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้หน่วยงานรัฐและองค์กรภาครัฐทุกแห่ง งดส่งข้อความ (SMS) และอีเมลที่แนบลิงก์ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพปลอมเป็นหน่วยงานรัฐ หลอกประชาชนให้กดลิงก์ขโมยข้อมูล สำหรับมาตรการนี้ ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค แสดงความเห็นว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ หากไม่ยกระดับภูมิคุ้มกันของผู้บริโภคและระบบป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์อย่างจริงจัง
ดร.อุดมธิปก กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการห้ามส่งลิงก์ของหน่วยงานรัฐจะช่วยไม่ให้ชื่อหน่วยงานถูกนำไปใช้หลอกลวง แต่ยังมีข้อจำกัดสำคัญในหลายด้าน ทั้งประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ารัฐมีนโยบายนี้แล้ว
“แต่หากประชาชนไม่รู้ว่า หน่วยงานรัฐไม่ส่งลิงก์แล้ว จึงทำให้ภาคประชาชนมีโอกาสถูกหลอกเช่นเดิม ประการต่อมาหน่วยงานรัฐไม่ค่อยส่งข้อความ (SMS) อยู่แล้ว เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงอยู่แล้ว ส่วนใหญ่หน่วยงานภาครัฐจะใช้แนวทางอื่นๆ ในการดำเนินการ” ดร.อุดมธิปก
ทั้งนี้แนวทางแก้ไขจึงต้องดำเนินการแก้ทั้งระบบและไม่ได้แก้เฉพาะเรื่องข้อความเท่านั้น โดยเสนอมาตรการทั้ง การควบคุมระบบเทคโนโลยีและข้อมูล เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการเครือข่าย ควรมีการตรวจสอบว่าใครมีสิทธิ์ส่งข้อความ (SMS) ทางการตลาด หรือ ข้อความจำนวนมากได้บ้าง จึงสามารถป้องกันตั้งแต่ผู้ที่ส่งข้อมูลและตรวจสอบได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐควรใช้เฉพาะโดเมนของเว็บไซต์ที่ลงท้ายด้วย .th เท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเว็บปลอม เพราะต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนขอใช้ รวมถึงใช้ลิงก์แบบสั้นและ คิวคาร์โค้ด ของภาครัฐอย่างหน่วยงานของภาครัฐ (DG.th, DGA) เพื่อลดความสับสน ไม่ใช้บริการฟรีที่แทรกโฆษณาหรือทำให้ประชาชนหลงกดลิงก์ผิด รวมถึงไม่ควรใช้คิวอาร์โค้ดแบบฟรี เนื่องจากถูกปลอมแปลงได้ง่าย อีกทั้งควรขอเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Verified) บนเพจต่างๆ ทั้ง เฟซบุ๊กและยูทูป เพื่อสร้างความเชื่อถือและทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้อีกแนวทางสำคัญควรแนะนำและให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยในมือถือกับประชาชน โดยเฉพาะ เช่น การปิดฟังก์ชันดาวน์โหลดอัตโนมัติ เพราะการถูกดูดเงินไม่เกิดจาก “กดลิงก์ครั้งเดียว” แต่ต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์ หรือถูกหลอกให้เข้ากลุ่มเพื่อพูดคุยต่อ พร้อมการให้ความรู้ประชาชนอย่างเป็นระบบ รวมถึงสอนเรื่องภัยสแกมเมอร์ตั้งแต่ในโรงเรียน เนื่องจากเด็กจะเป็นผู้นำความรู้กลับไปให้คำแนะนำผู้ใหญ่ในบ้าน รวมถึงควรสอดแทรกความรู้ในรายการทีวีและสื่อยอดนิยม
“สภาผู้บริโภคเห็นด้วยกับแนวทางห้ามแนบลิงก์ใน SMS แต่รัฐบาลต้องขยับทำมาตรการอื่นเพิ่มเติมอย่างจริงจัง เพื่อให้การป้องกันภัยสแกมเมอร์มีประสิทธิภาพทั้งระบบ และลดความเสียหายที่เกิดกับประชาชนให้มากที่สุด” ดร.อุดมธิปก กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง



