Ribbon

กมธ.วุฒิสภาเห็นชอบ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ทบทวน “ทางด่วน 2 ชั้น”

Getting your Trinity Audio player ready...

สภาผู้บริโภคชี้ โครงการ ทางด่วน 2 ชั้น ยังมีข้อสงสัยสำคัญ ทั้งในเรื่องความจำเป็นของโครงการ ความชัดเจนของร่างสัญญาสัมปทาน และความสมบูรณ์ของรายงาน EIA ขณะที่ กมธ. การพัฒนาการเมืองฯ เห็นชอบตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมกับชุมชนและนักวิชาการเพื่อเร่งตรวจสอบทุกมิติ

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ตัวแทนชุมชนริมทางด่วน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากสภาผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือต่อนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อตรวจสอบการก่อสร้าง ทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) ความยาว 17 กิโลเมตร บนแนวทางด่วนศรีรัช ช่วงงามวงศ์วาน – พระรามเก้า เนื่องจากโครงการมีความไม่โปร่งใส กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง และไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ล่าสุด คณะกรรมาธิการการฯ มีมติตั้งคณะทำงานตรวจสอบโครงการดังกล่าว

แจง 3 ประเด็นปัญหา ทางด่วน 2 ชั้น

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 สภาผู้บริโภค เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พร้อมด้วยผู้แทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck)

กมธ.วุฒิสภาเห็นชอบ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ทบทวน “ทางด่วน 2 ชั้น” : อดิศักดิ์ สายประเสริฐ

อดิศักดิ์ สายประเสริฐ หัวหน้าหน่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย สภาผู้บริโภค กล่าวถึง ข้อมูลที่นำเสนอต่อ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ  ใน “3 ประเด็นหลัก” เพื่อประกอบการพิจารณา ได้แก่

1. ความจำเป็นของโครงการ จากการศึกษาพบว่า โครงการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 อาจไม่สอดคล้องกับทิศทางระบบคมนาคมของประเทศ ที่มุ่งปรับเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไปสู่ระบบขนส่งสาธารณะ โดยปัจจุบันรัฐบาลกำลังเดินหน้าพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งจะมีระบบกองทุนอุดหนุนค่าโดยสาร เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น

ขณะที่แผนของ สนข. ระบุว่า ภายในปี 2570 ประเทศไทยตั้งเป้าสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้เพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีสัดส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะเพียง 18.3% เท่านั้น จึงยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้

2. ความชัดเจนของร่างสัญญาสัมปทาน ข้อมูลจากการทางพิเศษฯ ระบุว่า ร่างสัญญาขยายอายุสัมปทานกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสำนักงานอัยการสูงสุด แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ารัฐและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมเพียงใด รวมถึงเหตุผลในการขยายอายุสัมปทานยาวกว่า 22 ปี ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งที่มาตรา 6 (5) ของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีเป้าประสงค์ คือ ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการจัดทำและดำเนินโครงการร่วมลงทุน รวมถึงกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้อง แต่ข้อมูลและกระบวนการตัดสินใจในโครงการทางด่วน 2 ชั้น นั้นยังมิได้เปิดเผยให้สาธารณชนได้ทราบในรายละเอียด สุ่มเสี่ยงต่อการขัดมาตรา 6 (5) เป็นอย่างมาก

3. ความสมบูรณ์ของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แม้คณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบ EIA แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเพียงพอ และเพิ่งมีการเผยแพร่เอกสารไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งที่รายงานดังกล่าวจัดทำเสร็จตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2568

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคพบข้อกังวลหลายประเด็นเกี่ยวกับรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น กระบวนการรับฟังความคิดเห็นไม่ครอบคลุม คำถามในการรับฟังความคิดเห็นมีลักษณะชี้นำ นอกจากนี้ รายงาน EIA ฉบับดังกล่าวยังไม่สามารถตอบประเด็น “ความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)” ได้ เนื่องจากการก่อสร้าง จะมีการกั้นพื้นที่บางส่วนในชุมชน เบียดพื้นที่ถนนทางเข้า-ออกของประชาชน และหากมีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่รถพยาบาลหรือรถดับเพลิงต้องเข้าถึงพื้นที่ แต่ไม่สามารถเข้าออกสวนเลนกันได้ ทั้งที่เป็นประเด็นที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง ซึ่ง “เป็นสิ่งที่รับไม่ได้” หากโครงการไม่สามารถให้คำตอบด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน

กมธ. เห็นชอบตั้งคณะทำงานตรวจสอบเชิงลึก

ภายหลังการอภิปราย ประธานคณะกรรมาธิการฯ เห็นชอบให้ตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ” ภายใต้คณะอนุกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อรวบรวมข้อมูล เอกสาร หลักฐาน และตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง โดยคณะทำงานจะประกอบด้วยสภาผู้บริโภค นักวิชาการ ตัวแทนสหภาพแรงงาน และผู้แทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

หากคณะทำงานพบข้อกังวล ประธานคณะกรรมาธิการจะทำหนังสือเสนอไปยัง 2 หน่วยงาน คือ 1) ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อทบทวนมติเห็นชอบรายงาน EIA โครงการพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 และ 2) ประธานคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ คณะกรรมการพีพีพี (PPP : Public Private Partnership) เพื่อให้ใช้มาตรา 20 (11) ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ตั้งคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองรายละเอียดข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้านก่อนเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดพีพีพี

ทั้งนี้ ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของคณะทำงานเฉพาะกิจ สภาผู้บริโภคจะส่งหนังสือเพื่อเสนอความเห็นอย่างเป็นทางการถึงทั้งสองหน่วยงานข้างต้น เพื่อให้ชะลอและทบทวนโครงการจนกว่าจะมีคำตอบที่โปร่งใส รอบด้าน และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ