Ribbon

เดินสายพบพรรคการเมือง ผลักดัน 9 นโยบายผู้บริโภค ชิงโอกาสช่วงเลือกตั้ง

Getting your Trinity Audio player ready...
เดินสายพบพรรคการเมืองผลักดัน 9 นโยบายผู้บริโภค ชิงโอกาสช่วงเลือกตั้ง

สภาผู้บริโภคเดินหน้าผลักดันนโยบายเพื่อผู้บริโภค 9 ด้าน เข้าสู่กระบวนการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง ก่อนการเลือกตั้ง ภายใต้แนวคิด “ง่าย ดี มีคะแนน” ประเดิมเข้าพบพรรคเพื่อไทย ชูประเด็นเมืองที่เป็นธรรม ขนส่งสาธารณะต้องเป็นปัจจัยพื้นฐานของประชาชน พร้อมเสนอแก้ปัญหาภัยออนไลน์ คุณภาพชีวิต ด้านเพื่อไทยรับลูกพร้อมเดินหน้าถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาล

สภาผู้บริโภค นำโดย บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค และ สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบผู้บริหารพรรคเพื่อไทย โดยมี เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค ร่วมรับฟังข้อเสนอ

สารี อ๋องสมหวัง

สารี กล่าวว่า  สภาผู้บริโภคเป็นองค์กรที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 โดยกฎหมายกำหนดให้สามารถออกแบบนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติได้ สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สภาผู้บริโภคมองเป็นโอกาสที่จะนำเสนอนโยบายของสภาผู้บริโภคให้พรรคการเมืองต่าง ๆ พิจารณา ภายใต้แนวคิด “ง่าย ดี มีคะแนน” ครอบคลุมนโยบาย 9 ด้าน แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. ภัยมิจฉาชีพออนไลน์ ครอบคลุมปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ การเงิน การธนาคาร การซื้อขายออนไลน์ และการสื่อสารโทรคมนาคม

2. เมืองที่เป็นธรรม ได้แก่ ขนส่งสาธารณะ ผังเมือง พลังงาน และการจัดการภัยพิบัติ

3. คุณภาพชีวิต ครอบคลุมการศึกษา สาธารณสุข สินค้าและบริการที่ปลอดภัย

ชงกองทุนเยียวยามิจฉาชีพออนไลน์

หนึ่งในข้อเสนอสำคัญ คือ การตั้งกองทุนเยียวยาความเสียหายจากภัยมิจฉาชีพออนไลน์ เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับเงินช่วยเยียวยาเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้นผู้บริโภคบางรายที่ถูกมิจฉาชีพหลอกใช้ข้อมูลบัตรเครดิตยังถูกธนาคารฟ้อง สร้างความเสียหายให้ผู้บริโภคอย่างมาก

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคเสนอให้ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มต้องขึ้นทะเบียนผู้ขาย และมีระบบยืนยันตัวตน (e-KYM) เพื่อให้ติดตามตัวผู้ขายได้ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ค ที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายอีคอมเมิร์ซ ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับการเยียวยาเมื่อเกิดความเสียหาย

สารี กล่าวว่า อีกปัญหาที่สำคัญ คือหลังการควบรวมกิจการโทรคมนาคม ผู้บริโภคถูกปรับขึ้นค่าบริการ 100–200 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งที่กำไรของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น สภาฯ เสนอให้มีแพ็กเกจราคาประหยัด ไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน เพื่อคุ้มครองสิทธิการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ

ขนส่งสาธารณะต้องมีทุกจังหวัด

สารี กล่าวว่า ปัจจุบัน ขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ สามารถกำหนดค่าเดินทางไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำได้ เช่น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทของพรรคเพื่อไทย และ 40 บาทตลอดวันของพรรคภูมิใจไทย และอยากขยายบริการขนส่งสาธารณะที่ทุกคนขึ้นได้ในต่างจังหวัดด้วย ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายแห่งดำเนินการไปแล้ว เช่น ภูเก็ต กาญจนบุรี เชียงใหม่

ประเด็นเมืองที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคเสนอให้ ตั้งกองทุนขนส่งสาธารณะทุกจังหวัด และยกเลิกรถโดยสารสองชั้น และกำหนดค่าเดินทางไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ

“หลายจังหวัดมีรายได้จากภาษีล้อเลื่อนจำนวนมาก เช่น ขอนแก่นมีถึง 800 ล้านบาทต่อปี หากนำมาใช้เพียง 200 ล้านบาทต่อปี ก็สามารถให้ประชาชนใช้รถเมล์ฟรีได้ และยังช่วยลดอุบัติเหตุ ฝุ่นควัน และภาระค่าครองชีพได้” สารีกล่าว

จากที่ว่างเป็นที่พึ่ง ยกระดับคุณภาพชีวิต

สำหรับข้อเสนออื่น ๆ เพื่อเมืองที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคได้หยิบยกปัญหาที่เกิดจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น มาออกแบบเป็นนโยบาย จากที่ว่างเป็นที่พึ่ง  นำที่ดินรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็น พื้นที่รับน้ำและที่พักพิงจากภัยพิบัติ

จากปัญหาค่าไฟฟ้าที่แพง สภาผู้บริโภคจึงเสนอให้รัฐบาล หยุดสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ และ เปิดฟรีโซลาร์เซลล์บนหลังคาประชาชน ซึ่งเป็นการช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน เป็นนโยบายที่สามารถดำเนินการได้เลย แต่ปัจจุบันมีมาตรการกีดกันทำให้ไม่สามารถทำได้

ด้านการศึกษา สภาผู้บริโภคเสนอนโยบาย “เรียนฟรีต้องฟรีจริง” โดยเฉพาะสายอาชีพ และใช้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษามาใช้ให้นักเรียนมีโอกาสเรียนจบได้ถึงระดับปริญญาตรี

ในด้านคุณภาพชีวิต สภาผู้บริโภคเสนอให้ ทุบทิ้ง พ.ร.บ.อาหาร “ฉบับไดโนเสาร์” เพิ่มอำนาจเรียกคืนสินค้าไม่ปลอดภัย และให้มีตัวแทนสภาผู้บริโภคอยู่ในคณะกรรมการอาหาร เพิ่มกระบวนการตรวจสอบเพื่อให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย ส่งเสริมให้มีตลาดอินทรีย์ทุกจังหวัด โดยอบจ.

ส่วนระบบสุขภาพ เสนอให้ รัฐจ่ายเงิน 3 กองทุนสุขภาพอย่างเท่าเทียม คุมค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน

พรรคเพื่อไทยรับลูก “หลายเรื่องไปทิศทางเดียวกัน”

เผ่าภูมิ โรจนสกุล

ด้านเผ่าภูมิ กล่าวว่า หลายนโยบายของพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันกับสภาผู้บริโภค เช่น เรื่องการเดินทางเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ อัตราค่าเดินทางต้องไม่เกิน 10% ใกล้เคียงกับแนวคิดของพรรค ซึ่งปัจจุบันมีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท และเพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า 10 บาทตลอดสาย และรับข้อเสนอไปพิจารณาขยายบริการขนส่งสาธารณะในต่างจังหวัด

ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายของสภาผู้บริโภค มีมากกว่าครึ่งที่สอดคล้องกับแนวทางของพรรค และสามารถผลักดันได้จริง โดยเฉพาะขนส่งสาธารณะ การศึกษา และการพัฒนาบุคลากรในสายอาชีพ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมย้ำว่าการมีข้อมูลจากภาคประชาชนช่วยให้พรรคไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ และอย่างน้อยหากผลักดันได้ครึ่งหนึ่งก็ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศ

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์

เดินสายต่อเนื่อง นัดจัดเวทีใหญ่ 7 ม.ค.

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคเตรียมเดินสายเข้าพบพรรคการเมืองต่อเนื่อง โดยวันที่ 25 ธันวาคม พบ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคประชาชน วันที่ 26 ธันวาคม เข้าพบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยก้าวใหม่ และเตรียมจัดเวทีใหญ่ในวันที่ 7 มกราคม 2569 เพื่อเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองนำเสนอนโยบายต่อผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ