เตือนภัย : 5.5 ซื้อสินค้าอย่างปลอดภัยไม่หลงกลมิจฉาชีพ

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลซื้อสินค้าออนไลน์ในวันที่ 5.5 ซึ่งแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ต่างจัดโปรโมชันทั้งการลดแลกแจกแถม โดยเฉพาะการแจกโค้ดส่วนลดและให้โค้ดส่งฟรีเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามแม้จะมีโปรโมชั่นดึงดูดใจมากมายและแม้ว่าการซื้อสินค้าออนไลน์จะสะดวกสบาย แต่สิ่งที่ตามมาด้วยคือปัญหาการไม่ได้รับสินค้าที่สั่งไป ได้รับสินค้าที่ไม่ตรงกับที่สั่งหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการรับประกันสินค้า เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้รับเรื่องร้องเรียนปัญหาการซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 3,456 กรณี ในวันนี้สภาผู้บริโภคจึงมาแนะนำแนวทางการป้องกันในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นแนวทางในการประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ ดังนี้

  1. ระมัดระวังสินค้าที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือสินค้าจำพวกอาหาร ยา หรืออาหารเสริมที่ถูกถอดถอนเลขทะเบียนของ อย. ไปแล้วแต่ยังนำมาขายอยู่ จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสภาองค์กรของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีการวางจำหน่ายสินค้าที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เช่น การใส่ส่วนประกอบที่เป็นอันตรายลงในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ยาน้ำสมุนไพร เป็นต้น เบื้องต้นจึงแนะนำว่าผู้บริโภคควรตรวจสอบก่อนซื้อสินค้าในกลุ่มดังกล่าว โดยสามารถนำชื่อและเลขทะเบียนของผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ที่ oryor.com
  2. การลดราคาปลอม ร้านค้าจำนวนมากจะมีช่วงลดราคาพิเศษ โดยแต่ละร้านจะแข่งขันกันว่าร้านไหนลดราคามากกว่าเพื่อเพิ่มยอดขายของร้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่ตั้งว่าลดแล้วอาจเป็นราคาที่สูงกว่าปกติ หรือเป็นการลดราคาปลอม ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบราคาสินค้าที่วางขายในแอปพลิเคชันอื่นหรือราคาที่ขายตามท้องตลาดประกอบการตัดสินใจด้วย
  3. ควรตรวจสอบร้านค้าหรือผู้ขาย ว่ามีประวัติการฉ้อโกงมาก่อนหรือไม่ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการซื้อสินค้าออนไลน์ในยุคนี้เป็นอย่างมาก เพราะมีกรณีที่ผู้บริโภคหลายรายโดนหลอกลวงหรือถูกโกงจากมิจฉาชีพเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น จึงควรเช็กว่าผู้ขายหรือร้านค้านั้นมีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า โดยสามารถเข้าตรวจสอบรายชื่อคนโกงได้ที่เว็บไซต์ www.blacklistseller.com นอกจากนี้ยังสามารถการตรวจสอบผู้ขายรายนั้น ๆ ว่ามีการลงทะเบียนการค้าขายออนไลน์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ ได้ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อสินค้าจากช่องทางออนไลน์ได้อีกทางหนึ่ง
  4. หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากผู้ซื้อมักเจอปัญหาหลอกลวงซื้อของแต่ไม่ได้ของ ติดต่อผู้ขายไม่ได้ ของไม่ตรงปก ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบผู้ขายได้โดยง่าย แนะนำว่าควรซื้อผ่านตลาดออนไลน์ เพราะมีระบบตรวจสอบร้านค้าและยืนยันตัวตน หากมีปัญหาสามารถเรียกร้องให้ตลาดออนไลน์รับผิดชอบได้
  5. ควรเก็บหลักฐานในการซื้อขาย เพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีในกรณีที่โดนโกง หรือ ถูกหลอกลวง ไว้กับตัวด้วย หลักฐานที่ควรเก็บไว้ มีดังนี้
  • เก็บหรือขออีเมลของร้านค้าไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี
  • รูปสินค้าและโฆษณาที่แสดงรายละเอียดของสินค้า
  • ข้อความการสนทนาระหว่างการซื้อ – การขายไว้เป็นหลักฐาน
  • สลิปการโอนเงินและเลขที่บัญชีร้านค้า
  • เก็บหลักฐานอื่น ๆ เช่น บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขายไว้ (ถ้ามี)

ทั้งนี้ หากผู้บริโภคท่านใดได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้าออนไลน์ สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับสถานีตำรวจในพื้นที่โดยเร็วที่สุดหรือแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสามารถแจ้งเบาะแสมายังสภาองค์กรของผู้บริโภคได้ตามช่องทางด้านล่างดังต่อไปนี้

  • ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th คลิกลิงก์ https://crm.tcc.or.th/?entryPoint=Portal&action=complain…  
  • ไลน์ออฟฟิเชียล (Line Official) : @tccthailand คลิกลิงก์ https://lin.ee/uhDyO1U
  • อินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก (Facebook Inbox) : สภาองค์กรของผู้บริโภค
  • อีเมล : [email protected]
  • โทรศัพท์ : 1502

ขอบคุณข้อมูล : 12.12 ซื้อของออนไลน์ยึดหลัก 4 ต.