Ribbon

ระวังโปรโมชัน “ซื้อ 1 แถม 1” ลดราคาช่วงปลายปีอาจไม่มีจริง ต้องตรวจข้อมูลให้รอบด้าน

เข้าสู่ช่วงปลายปีเป็นจังหวะที่ร้านค้าและแบรนด์สินค้าต่างๆ ได้จัดโปรโมชันลดราคา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้ใช้ถ้อยคำเชิญชวนให้รีบเลือกซื้อสินค้า ผู้บริโภคต้องระมัดระวังอย่างเข้มข้นก่อนตัดสินใจทุกครั้ง เนื่องจากการติดตามของสภาผู้บริโภคพบว่า มีจำนวนมากที่มีโปรโมชันไม่ได้เป็นไปตามที่โฆษณา หรือให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน และมีผู้บริโภคโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียพบปัญหาการเลือกซื้อสินค้าที่มีการจัดทำโปรโมชัน “ซื้อ 1 แถม 1” แต่เมื่อเลือกซื้อสินค้าแล้วกลับไม่ได้เป็นไปตามความหมายที่ผู้บริโภคเข้าใจ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ฟรีจริงตามที่โฆษณาไว้

ขณะเดียวกันยังพบปัญหาของผู้บริโภคที่สะท้อนตามมาหลายด้าน ทั้งโฆษณาขายสินค้าราคาถูกกว่าที่อื่น แต่เมื่อไปถึงร้านค้ากลับไม่ได้ลดลงจริง รวมถึงการส่งฟรีแต่ไม่ฟรีจริง เพราะรวมค่าขนส่งไว้ในราคาสินค้าแล้ว พร้อมทำโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 แต่ไม่แถมจริง เพราะชิ้นที่สองต้องจ่ายเงินเพิ่มหรือเป็นเพียงการลดราคาเท่านั้น ตลอดจนการจัดทำสินค้าไม่ตรงปก หรือของแถมคุณภาพต่ำกว่าโฆษณา และแจ้งว่ามีของแถม แต่สินค้าหมด โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

สำหรับการโฆษณาสินค้าจึงเข้าข่ายโฆษณาไม่ชัดเจนและสร้างความเข้าใจผิด ตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เรื่องการโฆษณาลดราคาสินค้าและบริการ ได้กำหนดแนวทางไว้ดังนี้

ผู้ประกอบการต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และช่วงเวลาให้ชัดเจน โดยต้องบอกวิธีการลดราคา พร้อมกำหนดวัน เดือน ปี ที่เริ่มต้นและสิ้นสุด ห้ามให้ผู้บริโภคตีความเองจากข้อความคลุมเครือ ต่อมา ต้องระบุจำนวนสินค้าหรือบริการที่มีการลดราคาให้ชัดเจน โดยถ้ามีจำนวนจำกัด ต้องระบุ และห้ามทำให้เข้าใจผิดว่าลดทั้งร้าน รวมถึงห้ามใช้ข้อความว่าของสมนาคุณเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไข โดยไม่แจ้งรายละเอียด ซึ่งข้อความลักษณะนี้ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่เป็นธรรม และสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้บริโภค

ขณะเดียวกันต้องแจ้งเงื่อนไขอื่นที่มีผลต่อราคา เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และค่าจัดส่ง โดยหากราคาที่โฆษณาไม่รวม VAT ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ แต่หากมีค่าส่งเพิ่ม ต้องแจ้งก่อนผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ อีกทั้งการทำให้ดูเหมือนส่งฟรี ทั้งที่รวมค่าขนส่งในตัวสินค้าแล้วถือว่าไม่โปร่งใส และหากสินค้าหมดก่อนกำหนด ต้องแจ้งผู้บริโภคทันที

นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กับข้อความโฆษณาที่อาจเข้าข่ายการกล่าวอ้างเกินจริงในช่วงลดราคาสิ้นปี เพื่อให้ผู้บริโภคใช้ความระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อประกอบด้วย 1. ลดสูงสุด 90% โดยส่วนลดนี้มักใช้กับสินค้าที่มีจำนวนจำกัด และไม่ใช่สินค้าทุกรายการที่เข้าร่วม 2. โปรลดล้างสต็อก ซึ่งผู้ขายมักอ้างว่าสินค้าจะหมดอย่างรวดเร็ว แต่ความเป็นจริงแล้วสินค้าใหม่ก็อาจเข้าร่วมโปรโมชันนี้ด้วย 3. การจัดทำ “ซื้อ 1 แถม 1” ข้อความนี้ต้องตรวจสอบให้รอบด้าน อาจมีการปรับราคาสินค้าขึ้นไปล่วงหน้าแล้ว 4. สินค้าหมดแล้วหมดเลย สำหรับข้อความนี้ใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจซื้อ แต่บางครั้งสินค้ายังคงมีอยู่ในสต็อก

5. ของแถมฟรี อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่กำหนดให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าครบตามจำนวนที่ระบุ 6. การกำหนดราคาถูกที่สุดในโลก ซึ่งการกล่าวอ้างลักษณะนี้มักไม่มีหลักฐานเพื่อยืนยันราคาที่เปรียบเทียบจากคู่แข่งรายอื่น 7. การันตีของแท้ 100% ผู้ขายมักไม่มีเอกสารรับรองจากผู้ผลิตเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าว 8. เห็นผลใน 7 วัน ข้อความนี้ถือเป็นคำโฆษณาเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าเสริมความงามและสุขภาพ 9. เฉพาะวันนี้เท่านั้น ข้อความนี้ถูกใช้เพื่อสร้างแรงกดดันให้รีบซื้อ แต่ความเป็นจริงอาจมีโปรโมชันต่อเนื่องไปอีก และ 10. คืนเงินเต็มจำนวน การคืนเงินอาจมีเงื่อนไขที่ยุ่งยากซับซ้อนและผู้บริโภคอาจไม่ทราบมาก่อน

นอกจากนี้ การใช้ข้อความโฆษณาที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง โดยการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำสำหรับผู้บริโภคก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ควรมีการเปรียบเทียบราคาเดิมและราคาใหม่จากหลายร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงควรอ่านเงื่อนไขโปรโมชันทั้งหมดและตัวหนังสือเล็กที่เขียนกำกับไว้ว่ามีข้อความเพิ่มเติมด้านใดบ้าง อีกทั้งควรเก็บหลักฐานโฆษณา ใบเสร็จ และภาพสินค้าเมื่อเกิดปัญหา รวมถึงเมื่อพบการโฆษณาหลอกลวงสามารถร้องเรียนได้ผ่านช่องทางของ สคบ. 1166  หรือสภาผู้บริโภค 1502

ที่มาข้อมูล

กลลวง โปรโมชัน

10 คำโฆษณาเกินจริงที่เจอบ่อยในช่วงลดราคาสิ้นปี