Ribbon

เตือนผู้สูงอายุข้อมูลรั่ว มิจฉาชีพหลอกติดตั้งแอปดูดเงิน สูญกว่า 1.5 ล้าน

ภัยจากอาชญากรรมออนไลน์ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ออกมาแจ้งเตือนกรณีข้อมูลของข้าราชการเกษียณตกอยู่ในมือของขบวนการมิจฉาชีพ และถูกนำไปใช้เป็นฐานข้อมูลในการโทรศัพท์หลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จาก “กรมบัญชีกลาง” หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบำเหน็จ บำนาญ เหยื่อสูญเงินกว่า 1.5 ล้านบาท สภาผู้บริโภคจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

รูปแบบที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวง

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดเผยถึงวิธีการหลอกลวงที่พบในครั้งนี้ โดยมิจฉาชีพเริ่มจากการโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบางแห่ง เช่น กรมบัญชีกลาง ก่อนโอนสายให้มิจฉาชีพคนถัดมาอ้างตัวว่าเป็น “เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง” จากนั้นชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าร่วมกลุ่มไลน์ที่ใช้ชื่อคล้ายหน่วยงานภาครัฐ เช่น กลุ่มที่อ้างเกี่ยวกับบำเหน็จหรือบำนาญ

ขั้นตอนถัดมา มิจฉาชีพจะหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่อ้างว่าเป็นของหน่วยงานรัฐ เมื่อผู้เสียหายติดตั้งแล้ว จากนั้นจะถูกสั่งให้เปิดแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์ของตนเอง และให้ปรับเมนูเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อดำเนินการทำธุรกรรมตามคำสั่งจากมิจฉาชีพทีละขั้นตอน ทำให้ซึ่งเป็นการโอนเงินในบัญชีออกไปทั้งหมด

กรณีล่าสุดพบผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้สูงอายุสูญเงินกว่า 1.5 ล้านบาทภายในเวลาไม่กี่นาที และไม่สามารถเรียกเงินคืนกลับมาได้

“ตำรวจสอบสวนกลาง” ย้ำเตือนว่าหน่วยงานรัฐจะไม่ขอข้อมูลส่วนตัวหรือรหัส (OTP) และไม่สั่งให้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์ แต่หากพบการติดต่อในลักษณะดังกล่าว ให้ตั้งข้อสงสัยทันทีและยุติการติดต่อ ขณะเดียวกันได้แจ้งเตือนอย่าติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ได้มาจากเครื่องโดยตรง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแอปปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อติดตั้ง “แอปดูดเงิน” เข้าไปในโทรศัพท์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันและเสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง

แนะวิธีตั้งค่าความปลอดภัย

ทั้งนี้เพื่อป้องกันและเสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง “ตำรวจ” จึงมีคำแนะนำดังนี้

สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ต้องเข้าไปตั้งค่าเพื่อไม่อนุญาตให้โทรศัพท์สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจากภายนอกสโตร์ได้ โดยเลือกเมนูการตั้งค่า ต่อมา เลือกความปลอดภัย หลังจากนั้น เลือกติดตั้งแอปที่ไม่รู้จักแหล่งที่มา จากนั้นกด “ไม่อนุญาต” พร้อมการเลื่อนปุ่มไปทางด้านซ้ายเพื่อปิดการทำงาน ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติมในระบบบางรุ่น อาจหากไม่พบเมนู สามารถใช้ปุ่มแว่นขยายในการตั้งค่า เพื่อค้นหาคำว่า “ไม่รู้จักแหล่งที่มา” เพื่อเข้าสู่เมนูส่วนนี้ได้

ทางด้านผู้ใช้งานระบบไอโอเอส (iOS) ควรทำการตรวจสอบเบื้องต้นว่ามีการติดตั้ง โปรไฟล์แปลกปลอมเข้ามาในเครื่องหรือไม่และหากพบให้ทำการลบทันที โดยให้เข้าไปที่ การตั้งค่า ทั่วไปการจัดการวีพีเอ็น (VPN) และอุปกรณ์ เพื่อตรวจสอบส่วนของโปรไฟล์กำหนดค่า

ทั้งนี้หากพบโปรไฟล์กำหนดค่าที่ไม่รู้จัก หรือเป็นโปรไฟล์แปลกปลอมที่ไม่ได้มาจากระบบ ซึ่งสามารถสังเกตจากชื่อบริษัทที่ระบุอยู่ด้านล่างโปรไฟล์ให้ดำเนินการลบโปรไฟล์นั้นทันที โดยการลบให้คลิกที่โปรไฟล์ต้องสงสัย จากนั้นกดปุ่ม “เอาโปรไฟล์ออก” ที่เป็นสีแดง เพื่อทำการลบทิ้ง

ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง เสี่ยงถูกหลอก

ภัยที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุจำนวนมากในช่วงนี้ สอดคล้องกับข้อมูลจากโครงการศึกษาสถานการณ์ภัยคุกคามทางออนไลน์ ปี 2567 จัดทำโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าคนไทยกว่า 36 ล้านคนเคยเผชิญการหลอกลวงออนไลน์ และมีผู้เสียหายจากภัยดังกล่าวถึง 18.37 ล้านคน โดยกลุ่มผู้สูงอายุมีสัดส่วนการตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นถึง 22 % สะท้อนว่าภัยอาชญากรรมทางการเงินและกลโกงออนไลน์กำลังขยายตัวเข้าสู่กลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น

ชูเนตร ศรีเสาวชาติ อนุกรรมการด้านสินค้าและบริการทั่วไป สภาผู้บริโภคได้อธิบายไว้ถึง เหตุผลที่ผู้สูงอายุตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงทางออนไลน์เพิ่มขึ้น อาจไม่ได้เกิดจากความประมาทหรือข้อมูลทางด้านการศึกษา แต่อาจมีปัจจัยด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและการทำงานของสมองเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การลดลงของความสามารถทางสติปัญญา ภาวะสมองเสื่อม และการฝ่อของสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคิดอย่างมีเหตุมีผลและการคิดเชิงตรรกะ นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นของระบบประสาทที่ลดลงยังทำให้การประมวลผลข้อมูลและการตัดสินใจช้าลง ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุบางส่วนอาจมีลักษณะการเลือกจดจำข้อมูล รวมถึงเผชิญภาวะความเหงา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตามลำพังหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อย  

แนวโน้มกลุ่มผู้สูงอายุยังถูกหลอกลวงสูงต่อเนื่องเมื่อเที่ยบกับปีผ่านมา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งมาตรการ ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ โดยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายสำคัญ 6 ประการต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1. ตั้งกองทุนเยียวยาผู้เสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ 2. เร่งรัดให้แพลตฟอร์มต่างประเทศแต่งตั้งตัวแทนตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) 3. บังคับใช้มาตรการลงทะเบียนแพลตฟอร์มโฆษณาและร้านค้าออนไลน์ 4. เร่งประกาศเกณฑ์การบริหารจัดการภัยทุจริตดิจิทัล 5. สนับสนุนงบประมาณเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันดิจิทัลแก่ประชาชน และ 6. จัดทำระบบ “เบอร์–บัญชีม้า” ให้ประชาชนตรวจสอบฟรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง