Ribbon

ทุนสีเทา ภัยร้าย กระเทือนเศรษฐกิจกระทบต่อผู้บริโภค

ในช่วงหลังของการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระบบเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัจจัยกระทบหลายด้าน โดยปัจจัยที่ถูกมองว่าเป็น “ภัยที่รุนแรงขึ้น” คือ ทุนสีเทา หรือเงินที่ผิดกฎหมาย กำลังแทรกซึมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจ และกลไกอำนาจรัฐของไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องแบกรับความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมั่นระยะยาว

เส้นทางทุนสีเทา จากอาชญากรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ

แหล่งกำเนิดของทุนสีเทาในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งจากกลุ่มสแกมเมอร์ออนไลน์ เว็บพนัน การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และการหลอกลวงทางโทรศัพท์ โดยเงินที่ได้จากกิจกรรมเหล่านี้จะถูกนำมาหมุนเวียนผ่านระบบเศรษฐกิจ โดยการฟอกให้ดูเหมือนเป็นรายได้จากธุรกิจปกติ เพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ระบุว่า การฟอกเงินคือ กระบวนการเปลี่ยนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดให้ดูเหมือนถูกกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบซับซ้อนขึ้น เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินหรูด้วยเงินสด การตั้งธุรกิจบังหน้าเพื่อหมุนเงิน การใช้บัญชีบุคคลอื่นหรือ “นอมินี” ถือครองทรัพย์แทน และการโอนเงินข้ามประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล เป็นต้น

ทั้งนี้เมื่อเงินสีเทาเหล่านี้ไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ มีผลทั้งบิดเบือนการแข่งขันในตลาด และทำให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายเสียเปรียบ แข่งขันได้ยากขึ้น และผู้บริโภคต้องอยู่ในระบบที่ขาดความโปร่งใสโดยไม่รู้ตัว

ขยายสู่เจ้าหน้าที่รัฐ สัญญาณเตือนจากภายใน

ปัญหาของประเทศไทยมีความกังวลมากขึ้น เนื่องจากมีการแทรกซึมของทุนสีเทาเข้าสู่หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย ทำหน้าที่ปกป้องและคุ้มครองประชาชน มีกรณีหลายครั้งที่สะท้อนถึงความเสี่ยงนี้ ทั้งเป็นการพัวพันของเจ้าหน้าที่บางส่วนกับเว็บพนัน หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ล่าสุดมีกรณี คณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ชี้มูลความผิดทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย ว่าเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน เป็นสัญญาณชัดว่าทุนสีเทาเริ่มแทรกซึมถึงโครงสร้างอำนาจรัฐแล้วเช่นกัน

สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงลดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบยุติธรรม แต่ยังทำให้ผู้บริโภครู้สึกกังวล เพราะกลไกที่ควรคุ้มครองสิทธิกำลังถูกสั่นสะเทือนเช่นกัน

ผลกระทบที่ผู้บริโภคต้องแบกรับ

หากประเมินผลกระทบต่อผู้บริโภค “ทุนสีเทา” มีผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตหลายด้าน โดยเมื่อทุนสีเทาขยายอิทธิพลมากขึ้นไปในธุรกิจต่างๆ เพื่อฟอกเงิน มีผลทำให้ตลาดขาดความเป็นธรรม เนื่องจากทุนสีเทาใช้เงินผิดกฎหมายเข้ามากว้านซื้อกิจการ หรือจำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่าทุนจริง ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอย่างถูกต้องจะแข่งขันยากขึ้น ผู้บริโภคจึงเหลือทางเลือกน้อยลง ประการต่อมา ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษี เนื่องจากเงินที่ถูกฟอกจะออกนอกระบบภาษี ทำให้รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง จึงมีผลต่อบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข และสวัสดิการพื้นฐาน อาจมีงบประมาณที่ลดลงตามไปด้วย รวมถึงสินค้าและบริการเสี่ยงไม่ได้มาตรฐาน มาจากทุนสีเทากลุ่มนี้จะไม่สนใจเรื่องคุณภาพสินค้าแต่มุ่งผลกำไรสูงสุด ส่งผลให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ปลอดภัย รวมถึงทำให้ภาคสังคมขาดความเชื่อมั่น เมื่อข่าวการทุจริตและทุนสีเทาแพร่หลาย ความไว้วางใจในรัฐและระบบกฎหมายย่อมลดลง สร้างบรรยากาศของความไม่มั่นใจทางสังคม

ปปง. ชี้ทุนสีเทามีมากกว่า 10 แหล่งที่มา

จากการประเมินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พบว่า เงินที่ถูกนำมาฟอกมักมาจากแหล่งหลักกว่า 10 ประเภท เช่น การค้ายาเสพติด การพนัน การฉ้อโกงประชาชน การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ การหลีกเลี่ยงภาษีของภาคธุรกิจ และการรับสินบนหรือการใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ

ทั้งนี้ความผิดของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจะมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา โดยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรืออยู่ที่ศาลพิจารณา

เสียงเตือนจากภาคต่อต้านคอร์รัปชัน ทุนข้ามชาติคือความเสี่ยงใหม่

นอกจากนี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้แสดงความห่วงใยต่อแนวโน้มของ “ทุนต่างชาติสีเทา” ที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในระบบเศรษฐกิจไทย และเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และอื่นๆ

ทุนเหล่านี้มักอาศัยช่องว่างของกฎหมายไทยในการถือครองทรัพย์สิน และแข่งขันด้วยต้นทุนที่ต่ำจากการหลีกเลี่ยงภาษี ส่งผลให้ธุรกิจไทยเสียเปรียบและเกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเชิงความมั่นคง เช่น การถือครองพื้นที่สำคัญ การจ้างแรงงานไม่เป็นธรรม และการจำหน่ายสินค้าคุณภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคไทยโดยตรง

ผู้บริโภค พลังสำคัญ

แม้ปัญหาทุนสีเทาจะมีความซับซ้อนและรุนแรงขึ้น แต่ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วม ทั้งการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อพบพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมถึงสนับสนุนธุรกิจที่มีความโปร่งใสและจดทะเบียนถูกต้อง ขณะที่ภาครัฐ ต้องตรวจสอบ เฝ้าระวัง และสร้างความโปร่งใส มุ่งใช้กลไกของกฎหมายเกิดการบังคับใช้อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง