Ribbon

การจัดการปัญหาแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์

สถานการณ์

กรณีการพบว่ามีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Oppo และ Realme ถูกติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินออนไลน์ (เช่น Fineasy) ล่วงหน้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้บริโภค และไม่สามารถลบออกได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงหรือเกิดภาระหนี้โดยไม่ตั้งใจ


การดำเนินงาน

สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ส่งหนังสือที่ TCC.นย.052/2568 และ TCC.นย.053/2568 ลงวันที่ 14 มกราคม 2568 เสนอต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


ข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภค

  1. ขอให้ ธปท. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ต้องขึ้นทะเบียน และให้อำนาจ ธปท. กำกับดูแลแอปเงินกู้ออนไลน์ พร้อมออกบทลงโทษต่อผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม รวมถึงควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน
  2. ขอให้กระทรวงการคลังใช้อำนาจตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ออกประกาศให้ธปท. มีอำนาจกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ไม่ขึ้นทะเบียนไม่สามารถดำเนินกิจการให้กู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันได้ และกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตาม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และป้องกันการกู้ยืมเงินที่ผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

ความคืบหน้า

ธปท. ได้มีหนังสือถึงสภาองค์กรของผู้บริโภค เลขที่ ธปท.1651/2568 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับของ ธปท. โดย ธปท. มีหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่ให้บริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะต้องรายงานข้อมูลเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ให้บริการต่อ ธปท. เพื่อเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ ธปท. ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งอยู่นอกเหนือการกำกับของ ธปท. หาก ธปท. เข้าไปกำกับดูแลอาจเป็นการขัดขวางการดำเนินธุรกิจที่อยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ ธปท. ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการแก้ไขปัญหาแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ผิดกฎหมาย โดยดำเนินการนำแอปพลิเคชันที่ไม่ได้รับอนุญาตออกจากระบบ และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาตต่อไป