
สภาผู้บริโภคหารือสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถ สร้างมาตรฐานใหม่ จัดทำสัญญาโปร่งใส สรุปรายละเอียดให้เข้าใจง่าย แจ้งสิทธิผู้บริโภคไว้หน้าแรกของสัญญา พร้อมนำเสนอ “ลูกหนี้ชั้นดีต้องได้ลดดอกเบี้ย”
จากปัญหาที่ผู้บริโภคทำสัญญากับบริษัทที่ทำสินเชื่อทะเบียนรถ แต่มีรายละเอียดของของสัญญาซับซ้อน คิดดอกเบี้ยอัตราเดียวทั้งระบบ สภาผู้บริโภคได้หารือกับสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถ ร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมทำสรุปสาระสำคัญไว้ที่หน้าแรกของสัญญาและคำประกาศสิทธิผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นข้อมูลสำคัญได้อย่างทันที แสดงรายละเอียดอย่างเข้าใจง่าย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของกระบวนการทำสัญญา รวมถึงการนำเสนอแนวทางให้ลูกหนี้ชั้นดีต้องได้ลดดอกเบี้ย
นายโชติวิทย์ เกิดสนองพงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้ร่วมหารือกับสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำสัญญากับผู้ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ ด้วยการจัดทำบทสรุปรายละเอียดของสัญญา และคำประกาศสิทธิผู้บริโภค โดยบทสรุปรายละเอียดของสัญญาที่จะปรากฏในหน้าแรกของผู้บริโภคที่ทำสัญญาสินเชื่อทะเบียนรถ ได้สรุปจากรายละเอียดของสัญญาทั้งหมดเกือบ 20 หน้า พร้อมนำเสนอด้วยภาษาที่มีความเข้าใจง่าย เช่น ยอดเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย การผ่อนชำระหนี้งวดละเท่าไหร่ ชำระวันที่เท่าไหร่เพื่อทำให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อมูลที่สำคัญในกู้ยืมเงินและชำระหนี้ได้ครบถ้วนตรงวันที่กำหนดในสัญญา
สำหรับคำประกาศสิทธิผู้บริโภค คล้ายๆ กับสิทธิผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่สิทธิที่จะต้องทราบรายละเอียดข้อมูล เงื่อนไขต่างๆ ก่อนการกู้ยืมเงิน จนถึงเมื่อชำระหนี้ครบถ้วนมีสิทธิที่จะได้รับเล่มทะเบียนรถคืนภายในกี่วัน โดยคำประกาศสิทธินี้จะแสดงผลในรูปแบบป้ายตั้งโต๊ะ ณ สาขาของผู้ให้บริการสมาชิกของสมาคม 16 บริษัท จำนวนประมาณ 2 หมื่นสาขาเพื่อให้เห็นได้ชัดเจน และสามารถอ่านได้สะดวกขณะรอรับบริการ
นายโชติวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการหารือที่ประชุมมีการพูดถึงหลักการคิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ (Risk-based Pricing) โดยสนับสนุนหลักการที่ว่าคนที่มีประวัติชำระหนี้ดีควรได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เช่น ลดจาก 24% เหลือ 17-19% เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ที่มีวินัยทางการเงิน เนื่องจากปัจจุบันมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวทั้งระบบทั้งลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดีและไม่มี ขณะเดียวกันยังได้หารือแนวทางการผลักดันให้มีการเปิดเผยสถิติ ทั้งการเปิดเผยข้อมูลเรื่องร้องเรียนและประวัติการถูกลงโทษของแต่ละบริษัท เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลในการเลือกผู้ให้บริการที่ “มีธรรมาภิบาล” และประวัติที่ดีเท่านั้น โดยต้องมีการร่วมมือและผลักดันในระยะต่อไป
“หลักการคิดดอกเบี้ยตามพฤติกรรมนี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้อัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงที่แท้จริงของตัวเอง เสี่ยงน้อยได้ดอกเบี้ยต่ำเสี่ยงมาได้ดอกเบี้ยสูง เปรียบเสมือนการทำประกันภัยรถยนต์ ที่ผู้ขับขี่ประวัติทางดี มีสถิติอุบัติเหตุน้อย ย่อมควรได้รับสิทธิในการจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง” นายโชติวิทย์ กล่าว
ทางด้าน นายธนกร นพกิจกำจร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และ นายชยพล ศุภชาติวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษากฎหมาย ตัวแทนจากสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถ กล่าวว่า สมาคมฯ จะมีการเผยแพร่รูปแบบสัญญาที่เข้าใจง่ายขึ้นบนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและศึกษาข้อมูลก่อนที่จะเดินทางไปทำสัญญาที่สาขา พร้อมกันนี้จะร่วมหารือกับสมาชิกฯ จัดทำป้ายคำประกาศสิทธิไปจัดตั้งในสาขาของเครือข่ายสมาชิกของสมาคมสินเชื่อทะเบียนรถที่มีเปิดให้บริการในสาขาทั่วประเทศ เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้ทราบสิทธิขั้นพื้นฐานในการกู้ยืมเงินของตัวเอง
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้มีการประสานร่วมมือทำงานกับสภาผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด โดยหากผู้บริโภคมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นสมาชิก จะร่วมมือในการทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสาน เพื่อให้บริษัทสมาชิกเร่งแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคอย่างเร่งด่วนที่สุด



