แนะนายกฯ ดูแลค่าครองชีพประชาชน ลดภาษีน้ำมัน เลิกเก็บค่าบริการรายเดือนน้ำ-ไฟบ้านอยู่อาศัย

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เสนอนายกรัฐมนตรี เพิ่มมาตรการช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด ลดภาษีน้ำมันลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกค่าบริการรายเดือนน้ำประปา – ไฟฟ้า พร้อมทั้งดูแลราคาสินค้าบริการให้สอดคล้องกับค่าครองชีพของประชาชน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 พบว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากได้รับผลกระทบต่อการดำรงชีวิต เนื่องจากต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนขณะที่รายได้ลดลง ทั้งจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูง การเรียกเก็บค่าบริการรายเดือน นอกเหนือจากค่าบริการปกติของสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่เป็นบริการของรัฐบาล จนเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับอยู่ในขณะนี้ สอบ.จึงมีข้อเสนอถึงรัฐบาลให้จัดการปัญหาโดยเร่งด่วน

วันนี้ (9 สิงหาคม 2564) บุญยืน ศิริธรรม ประธาน สอบ. กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบาย สอบ.พิจารณาข้อเสนอจากคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่เสนอให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยนโยบายที่จะช่วยลดค่าครองชีพ ทั้งการลดราคาน้ำมันด้วยการลดภาษีสรรพสามิต ยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันผสมที่มีต้นทุนสูงกว่าราคาน้ำมันปกติ ยกเลิกการเก็บค่าบริการรายเดือนของค่าน้ำและค่าไฟ และค่ารักษาเลขหมายของโทรศัพท์บ้าน ตลอดจนให้กำกับดูแลราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนให้มีราคาเป็นธรรม สอดคล้องกับต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ควรจะลดลง และสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพของประชาชนด้วย

ผศ.ประสาท มีแต้ม กรรมการนโยบาย สอบ. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ระบุว่า จากการศึกษามาตรการช่วยเหลือประชาชนเรื่องค่าไฟฟ้าของรัฐบาลที่ออกมาจำนวน 4 มาตรการ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มต่าง ๆ นั้น พบว่า ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือนเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มใหญ่ที่สุดยังต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน 38.22 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวในหลาย ๆ ประเทศจะไม่มีการเรียกเก็บ และจะเก็บแต่ค่าไฟฟ้าในอัตราปกติเท่านั้น

เช่นเดียวกับค่าน้ำประปา ที่เรียกเก็บค่าบริการรายเดือนกับบ้านอยู่อาศัยตั้งแต่ 25-50 บาทตามขนาดมาตรวัดน้ำ ดังนั้น หากรัฐบาลจะช่วยประชาชนอย่างเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่มแล้ว การให้กระทรวงมหาดไทยยกเลิกการเก็บค่าบริการรายเดือนของทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะเป็นประโยชน์โดยตรงในการช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนได้ทันที โดยไม่ต้องรอมาตรการช่วยเหลือจากรัฐที่จะเกิดขึ้นเป็นบางช่วงเวลา

รวมไปถึงค่าโทรศัพท์ โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังใช้โทรศัพท์บ้าน จะพบว่า มีค่ารักษาเลขหมายจำนวน 100-200 บาทต่อเดือน ที่แม้จะไม่ใช้งานก็ยังต้องจ่ายเงิน ฉะนั้น ควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พิจารณายกเลิกการเรียกเก็บค่ารักษาเลขหมายดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนให้กับประชาชนได้เช่นกัน

นอกจากนี้ จากสถานการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง จนมีโรงไฟฟ้าเอกชนหลายโรงไม่ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มตามศักยภาพที่มีอยู่ แต่รัฐยังต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าตามลักษณะสัญญาไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (Take or Pay) รัฐบาลต้องให้กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เจรจาต่อรองลดการจ่ายค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าเอกชนลง ร้อยละ 50 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ไม่ตามศักยภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ค่า FT ลดลงทันที จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จะคลี่คลาย

ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงเกือบ 30 บาทต่อลิตรในปัจจุบันนั้น รสนา โตสิตระกูล คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะฯ กล่าวว่า รัฐบาลควรให้กระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 5 บาทต่อลิตร เพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ปรับลดลงได้ รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E85 และดีเซล B20 ที่มีต้นทุนแพง จนกว่าจะมีมาตรการและดำเนินการทำให้ราคาอ้างอิงลดลงเท่ากับหรือต่ำกว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศลดลงทันที 5 บาทต่อลิตร โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนราคา

นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลค่าการกลั่นของราคาหน้าโรงกลั่น และค่าการตลาดอย่างเข้มงวดใกล้ชิด เพื่อมิให้เกิดการฉกฉวยขึ้นราคาน้ำมันอย่างไม่เป็นธรรม และเปิดเผยราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างประเทศ ที่ใช้อ้างอิงเป็นรายวัน รวมทั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ให้มีราคาเป็นธรรมสอดคล้องกับต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพของประชาชน

ทั้งนี้ สอบ.จะดำเนินการจัดส่งข้อเสนอทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

#สภาองค์กรของผู้บริโภค #ผู้บริโภค