
เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กทม. ได้ประกาศขึ้นราคา สายสีเขียว เป็นสูงสุด 65 บาท และปรับวิธีการคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้าช่วยส่วนต่อขยาย (ห้าแยกลาดพร้าว – คูคต | บางจาก – เคหะสมุทรปราการ | วงเวียนใหญ่) จาก 15 บาทตลอดสาย เป็น 17 – 45 บาท เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทำให้หลายคนเกิดคำถามเรื่องวิธีการคำนวณราคารถไฟฟ้า โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งข้ามระหว่างส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยาย วันนี้สภาผู้บริโภคชวนมาไขคำตอบเรื่องนี้กัน
ก่อนอื่น การคำนวณค่าโดยสารจะต้องแยกการเดินทางออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ “ส่วนสัมปทาน” และ “ส่วนต่อขยาย” ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารต่างกัน
ส่วนสัมปทาน ได้แก่ ช่วงหมอชิต – อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ – วงเวียนใหญ่ ส่วนนี้จะไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารและใช้วิธีการคำนวณเท่าเดิม คือ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 17 บาท และจะเพิ่มค่าโดยสารตามจำนวนสถานี โดยเมื่อเดินทางเกิน 8 สถานีขึ้นไปจะมีเพดานสูงสุดที่ 47 บาท
ขณะที่ ส่วนต่อขยาย คือช่วงห้าแยกลาดพร้าว – คูคต บางจาก – เคหะสมุทรปราการ และวงเวียนใหญ่ – บางหว้า กทม. ปรับขึ้นค่าโดยสาร จาก 15 บาทตลอดสาย เปลี่ยนเป็นค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 17 บาทและเพิ่มขึ้นตามระยะทาง โดยมีเพดานสูงสุดที่ 45 บาท
หากนั่งข้ามระหว่างเส้นสัมปานและส่วนต่อขยาย จะคิดค่าโดยสารเท่ากับ “ราคาส่วนสัมปทาน + ราคาส่วนต่อขยาย” แต่จะคิดสูงสุดไม่เกิน 65 บาท โดยไม่มีการยกเว้นค่าแรกเข้า ซึ่งหมายความว่าผู้โดยสารที่ต้องเดินทางข้ามทั้งสองส่วน หรือใช้บริการในระยะสั้นที่คาบเกี่ยวระหว่างส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยายจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะเส้นสัมปทานมีผู้โดยสารบางกลุ่มที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมากถึง 200% ต่อเที่ยว (จาก 15 เป็น 45 บาท) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างเส้นสัมปทานกับส่วนต่อขยาย อาจต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มสูงสุด 14 บาทต่อเที่ยว
ตัวอย่างวิธีคำนวณราคา สายสีเขียว
- เดินทางจาก คูคต ไป หมอชิต ปัจจุบันเสียเพียง 15 บาท แต่ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป จะต้องจ่ายถึง 45 บาท
- จาก รัชโยธิน ไป อารีย์ เดิมเสีย 43 บาท จะเสียเงินเพิ่มอีก 14 บาท กลายเป็น 57 บาท
- จาก เคหะฯ ไป พระโขนง เดิมต้องจ่าย 32 บาท จะขยับขึ้นเป็น 62 บาท
- จาก คูคต เดินทางไป สยาม เดิมจ่าย 62 บาท แต่หากคำนวณด้วยวิธรการคำนวณแบบใหม่จะอยู่ที่ราคา 92 บาท แต่บริโภคต้องจ่าย 65 บาท เนื่องจากมีเพดานราคาสูงสุดจำกัดไว้
จะเห็นว่า ระบบค่าโดยสารสายสีเขียวใหม่จะคำนวณจากระยะทางรวมของทั้งสองส่วน โดยมีเพดานสูงสุดที่ 65 บาท แม้จะไม่เกินราคาที่กำหนด แต่ก็สร้างภาระเพิ่มให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางข้ามเขตระหว่างส่วนต่อขยายและส่วนสัมปทานในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้คัดค้านการขึ้นราคาของ กทม. โดยมีข้อเสนอให้ กทม. ชะลอหรือยกเลิกการขึ้นราคาค่าโดยสารส่วนต่อขยายทันที เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมภาระค่าครองชีพของประชาชน ขอให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางสนับสนุนการดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ กทม. ในฐานะที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะสำคัญ เช่นเดียวกับการอุดหนุนระบบรถเมล์ ขสมก. หรือรถไฟชานเมือง และให้ กทม. วางแผนบูรณาการรายได้และการบริหารหนี้อย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องรับภาระแทนรัฐบาลและเอกชน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย เริ่ม 1 พ.ย.68
หยุดขึ้นราคาสายสีเขียว ดีเดย์ 1 พ.ย. ขึ้น 65 บาท คน กทม. แบกค่ารถไฟฟ้าอ่วม
เปิดเหตุผล “กทม. VS สภาผู้บริโภค” ขึ้นค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว…เหมาะสมหรือไม่?



