Ribbon

หนุนติด โซลาร์รูฟ 2 แสน ชงปรับแผน PDP จี้แก้โครงสร้างพลังงาน

Getting your Trinity Audio player ready...
หนุนติด โซลาร์รูฟ 2 แสน ชงปรับแผน PDP จี้แก้โครงสร้างพลังงาน

จากกรณีที่ ครม. มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในบ้านอยู่อาศัย เพื่อให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง และลดภาระค่าไฟฟ้ารายเดือน โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท สภาผู้บริโภคสนับสนุนให้ผู้บริโภคพึ่งพาตัวเองได้ แนะรัฐบาลเร่งปฎิรูปโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

หนุนติด โซลาร์รูฟ 2 แสน ชงปรับแผน PDP จี้แก้โครงสร้างพลังงาน : พชร แกล้วกล้า

พชร แกล้วกล้า ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภค เห็นด้วยและสนับสนุนมาตรการให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาบ้าน เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อเสนอของสภาผู้บริโภคที่เคยเสนอไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่ถือเป็นแรงจูงใจให้ครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ด้วยตนเอง เพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน เป็นพัฒนาการเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

สำหรับวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาทถือว่าเหมาะสม เนื่องจากค่าใช้จ่ายติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาดประมาณ 5 กิโลวัตต์ มักอยู่ในช่วงเกือบ 200,000 บาท หากใช้สิทธิลดหย่อนได้เต็มจำนวน ก็เท่ากับแทบไม่ต้องเสียค่าติดตั้ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามรายละเอียดเงื่อนไขจากรัฐบาลว่ามีข้อจำกัดใดที่จะเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งในภาคครัวเรือนหรือไม่

ชงรัฐหนุนพลังงานหมุนเวียน – เพิ่มสิทธิประชาชน

พชร กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้มาตรการภาษีจะเป็นแรงจูงใจที่ดี แต่ปัญหาหลักของระบบพลังงานไทย คือคนส่วนใหญ่จะไม่อยู่บ้านในช่วงเวลากลางวัน ทำให้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก โซลาร์รูฟ อย่างเต็มที่ อีกทั้งรัฐยังสามารถดำเนินการอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการอื่นควบคู่เพื่อปลดล็อกอุปสรรค และทำให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้นดังนี้

  1. เร่งประกาศนโยบายฝากไฟฟ้าในระบบ (Net Metering) ในภาคครัวเรือน
    เพื่อให้ผู้ใช้ไฟสามารถฝากไฟฟ้าไว้ในระบบโดยหักลบหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตเกินกับหน่วยที่ใช้จริงในรอบเดือน ช่วยลดค่าไฟอย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มประโยชน์สูงสุดให้ผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
  2. เปิดเสรีการใช้ระบบคำนวณค่าไฟฟ้า (Net Billing) สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม
    โดยไม่มีกำหนดระยะเวลารับซื้อ เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้อย่างคล่องตัว
  3. ยกเลิกข้อบังคับอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าไหลย้อนในภาคครัวเรือน
    เนื่องจากไม่จำเป็นภายใต้ระบบการรับซื้อไฟของรัฐ และยังเป็นภาระต้นทุนที่ไม่จำเป็นต่อผู้บริโภค
  4. กำหนดโควตาพลังงานหมุนเวียนจากภาคครัวเรือนในสัดส่วนที่เท่ากับการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้มากขึ้น โดยปัจจุบันโครงการโซลาร์ประชาชนมีเพดานเพียง 90 เมกะวัตต์ ซึ่งไม่ถึง 1% ของปริมาณพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดในระบบ
  5.  ให้ชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากก๊าซธรรมชาติออกไปจนกว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศ (Reserve Margin : RM) จะลดลงจนใกล้เคียงร้อยละ 15 เพื่อรองรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่จะเพิ่มขึ้นแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล

ปรับแผน PDP เพิ่มความสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคยังได้นำเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้เร่งปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ให้ตอบโจทย์ความมั่นคงด้านพลังงานของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะประเทศไทยควรเดินหน้าเพิ่มความสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ด้วยการผลักดันพลังงานหมุนเวียนให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะโซลาร์รูฟท็อประดับครัวเรือนที่สามารถกระจายการผลิตพลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม

อีกทั้งยังเสนอให้มีการปรับสัดส่วนพลังงานในแผน PDP ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เช่น การตั้งเป้าหมายให้พลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนอย่างน้อย 65% ภายในปี 2035 โดยในจำนวนนี้ควรเป็นพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมรวมกันไม่น้อยกว่า 40%

ทั้งนี้ แผน PDP ฉบับใหม่ควรให้ความสำคัญกับ “ความยืดหยุ่นของระบบ” ทั้งด้านโครงข่ายสายส่ง การบริหารจัดการความต้องการใช้ไฟฟ้า (Demand Response) รวมถึงการทบทวนรูปแบบสัญญารับซื้อไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งควรมีการทบทวนการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าในแผน PDP 2025 ให้สะท้อนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าจริงของประชาชนและภาคธุรกิจ

ประเด็นสุดท้ายคือการเพิ่มผู้แทนสภาผู้บริโภคเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะอนุกรรมการด้านการพยากรณ์และจัดทำแผน PDP ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เสียงของผู้บริโภคถูกนำไปใช้กำหนดทิศทางพลังงานของประเทศอย่างรอบด้านและโปร่งใส

เสนอรัฐปฏิรูปโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ

สภาผู้บริโภคยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ ครอบคลุมตั้งแต่น้ำมัน ก๊าซ ไปจนถึงค่าไฟฟ้า เพื่อให้โครงสร้างราคาพลังงานทุกประเภทเป็นธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยในเรื่องราคาน้ำมัน สภาผู้บริโภคได้เสนอรัฐปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น ทั้งการยกเลิกวิธีคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นที่อิงราคาเสมือนขนส่งมาจากตลาดสิงคโปร์ การกำกับเพดานค่าการตลาดให้เหมาะสม และการจัดเก็บภาษีลาภลอย (Windfall Tax) หากพบว่าค่าการกลั่นสูงผิดปกติ

สำหรับก๊าซแอลพีจี ควรเน้นหลักการว่า “ทรัพยากรไทยต้องให้คนไทยใช้ก่อน” โดยเสนอให้ภาคครัวเรือนสามารถเข้าถึงก๊าซจากโรงแยกก๊าซในราคาที่เป็นธรรม ยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับครัวเรือน และกำหนดเพดานค่าการตลาดที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคทุกกลุ่ม

ส่วนมิติของพลังงานสะอาด สภาผู้บริโภค เห็นว่ามาตรการภาษีโซลาร์ที่เพิ่งออกมานั้น แม้จะเป็นก้าวบวกสำคัญ แต่จะไม่เกิดผลอย่างเต็มที่หากรัฐบาลไม่เร่งปรับโครงสร้างระบบพลังงานในส่วนที่เป็นอุปสรรคอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างค่าไฟฟ้า ระบบรับซื้อไฟฟ้า หรือกรอบแผนพลังงานระดับประเทศ

“นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่รัฐบาลสามารถทำให้ครัวเรือนและประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงในเชิงนโยบาย หากรัฐสามารถลดอุปสรรค ลดต้นทุน และทำให้ระบบพลังงานโปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืนได้ ก็จะช่วยลดค่าไฟและบรรเทาภาระของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม” พชรกล่าวย้ำ


หนุน “ติดโซลาร์ ลดหย่อนภาษี” เสนอ 6 มาตรการเร่งด่วน ลดภาระค่าไฟยั่งยืน

ปัญหาใหญ่ ‘โซลาร์เซลล์’: รัฐไทย “เกาไม่ถูกที่คัน”

เปิดเงื่อนไข ‘ติดโซลาร์บ้าน’ เผยคนไทยลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 2 แสนบาท