Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคเดินหน้าฟ้องหน่วยงานรัฐ ปมซื้อ ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 25 ปี เข้าข่ายเอื้อทุนเอกชน กีดกัน กฟผ. รัฐวิสาหกิจที่ผลิตได้ถูกกว่าขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ จี้รัฐบาลเปิดโอกาสโซลาร์ภาคประชาชน ลดค่าไฟ เพิ่มรายได้
สภาผู้บริโภค ร่วมกับสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) แถลงจุดยืนกรณีโครงการทำสัญญาซื้อ ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ระยะยาว 25 ปี ปริมาณ 2,145.4 เมกะวัตต์ ในราคาสูงเกินต้นทุนจริง เข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน โดยไม่มีการประมูลแข่งขัน ไม่โปร่งใส และไม่จัดสรรโควตาให้ภาคประชาชน ที่สามารถติดตั้งโซลาร์และขายไฟเข้าระบบ เพื่อลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือนได้ทันที
รสนา โตสิตระกูล กรรมการนโยบาย และประธานอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค กล่าวว่า โครงการทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ระยะยาว 25 ปี ปริมาณ 2,145.4 เมกะวัตต์ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งขาติ (กพช.) มีความไม่โปร่งใสและเข้าข่ายทุจริต โดยใช้วิธีการคัดเลือกเอกชนเข้าเสนอราคารับซื้อไฟฟ้าที่ราคา 2.17 บาทต่อหน่วย สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดโลก ซึ่งอยู่ที่ 1.77 บาทต่อหน่วย โดยไม่มีการเปิดประมูล ขณะเดียวกันมีการกีดกันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำได้ในราคา 1.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งถูกกว่า ไม่ให้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ประชาชนต้องแบกภาระค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นในอนาคต ทั้งที่แนวโน้มราคาพลังงานหมุนเวียนถูกลงเฉลี่ย 8 – 10% ต่อปี
นอกจากนี้ ภาครัฐยังสามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ โดยกำหนดโควตาให้ภาคประชาชน 1,000 เมกะวัตต์ บ้านละ 10 กิโลวัตต์ จะทำให้ประชาชน 1 แสนครัวเรือนมีรายได้จากการขายไฟให้รัฐ จะเป็นการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้ทันที และเป็นไปตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ว่าจะลดค่าไฟฟ้าทันที แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ทำ
“การที่กกพ.ไม่ให้กฟผ.เข้าร่วมโครงการนี้ ถือว่าผิดปกติอย่างมาก นอกจากจะเป็นการกีดกันแล้ว น่าจะเข้าข่ายทุจริตอีกด้วย เพราะกฟผ.ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ในราคาที่ต่ำกว่า แต่รัฐกลับไปซื้อจากเอกชนในราคาที่สูงกว่า ถือว่าไม่สมเหตุสมผล และทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการที่รัฐต้องการซื้อไฟฟ้าในราคาแพงกว่าในครั้งนี้ เป็นการผ่องถ่ายความร่ำรวยไปให้เอกชน ลดบทบาทกฟผ.จากการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า เป็นผู้รับซื้อ ขณะที่ประชาชนจนลงเรื่อย ๆ จากการแบกภาระค่าไฟที่สูงขึ้น” นางสาวรสนากล่าว
ผศ.ประสาท มีแต้ม อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ได้เสนอให้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ต้องมีกฎหมายรองรับ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม และต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และกำหนดให้การซื้อไฟฟ้าทุกประเภทใช้วิธีประมูลแข่งขัน โดยไม่ทำสัญญาผูกพันในราคาคงที่ยาวนานถึง 20–25 ปี เนื่องจากไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่มีแนวโน้มถูกลงต่อเนื่อง ซึ่งทุกวันนี้มูลค่าของค่าไฟฟ้าทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 9.5 แสนล้านบาท ถ้าสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ทุก 1 สตางค์ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าได้ 2,200 ล้านบาท
“มติกพช.ในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่มีการประมูล ไม่มีที่มาของราคา และเป็นการทำตามอำเภอใจ ทั้งที่แนวโน้มเทคโนโลยีถูกลงอีกมาก แต่เรากลับไปกำหนดราคาซื้อที่สูง ทำให้เราต้องใช้ไฟแพงกว่าความเป็นจริง อยากเรียกร้องให้แผน PDP ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนฯ รับฟังเสียงประชาชน ต้องผ่านการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส” ผศ.ประสาทกล่าว
นายเชิดชัย กัลยาวุฒิพงศ์ รองเลขาธิการบริหารสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า กฟผ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูกกว่าเอกชน กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ขัดต่อบทบาทตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.การประกอบกิจการของกฟผ. ปัจจุบันกำลังการผลิตของรัฐลดลงต่ำกว่า 30% จากเดิมที่กฟผ.มีการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 70% กระทบความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ นอกจากนี้มีการกำหนดการสำรองไฟฟ้าที่สูงถึง 50,000 เมกะวัตต์ ทั้งที่ไม่ได้ใช้ แต่ต้องจ่ายเป็นสาเหตุให้ค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือนไม่เคยลดต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย
นางณิชารีย์ กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวว่า สหภาพฯ อยากให้การจัดทำแผน PDP คำนึงถึงสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนที่หน่วยงานรัฐที่ควรดูแล และกำหนดราคาในอนาคตที่เป็นธรรมสำหรับประชาชน และเรียกร้องให้ตัวแทนสหภาพแรงงานได้มีส่วนร่วมในการทบทวนและจัดทำแผน PDP ในฐานะที่เป็นประชาชน และหน่วยงานที่ต้องดูแลช่วยเหลือสนับสนุนกฟผ.ได้ทำหน้าที่ ในบทบาทของตัวเองต่อไป และแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ต้องดูแลประชาชน
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค สหภาพแรงงานฯ กฟผ. ยืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องศาลปกครองเอาผิดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ประชาชนต้องรับภาระค่าไฟฟ้าแพงโดยไม่เป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการดังนี้
- เปิดโควตาโซลาร์ภาคประชาชน อย่างน้อย 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อให้ครัวเรือนมีรายได้และลดค่าใช้จ่าย
- ปรับกระบวนการจัดซื้อไฟฟ้าให้โปร่งใส โดยใช้การประมูลแข่งขันตามต้นทุนจริง
- ฟื้นบทบาท กฟผ. ให้มีสัดส่วนการผลิตมากกว่า 50% เพื่อรักษาความมั่นคงทางพลังงาน
- ทบทวนราคากลางและสัญญาซื้อไฟ ให้สะท้อนต้นทุนและเทคโนโลยีปัจจุบัน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
จี้รัฐยุติรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน หวั่นภาระค่าไฟแพง กระทบผู้บริโภคนาน 25 ปี