Ribbon

จี้รัฐบาล “อนุทิน” เร่ง โซลาร์รูฟประชาชน ก่อนเลือกตั้งใหม่

Getting your Trinity Audio player ready...
จี้รัฐบาล “อนุทิน” เร่ง โซลาร์รูฟประชาชน ก่อนเลือกตั้งใหม่

กรณีที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงมหาดไทย ได้เร่งรัดดำเนินการโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชน (RE Big Lot)  และโซลาร์ฟาร์มชุมชน รวมกว่า 3,500 เมกะวัตต์ ทั้งที่ประเทศไทยมีไฟฟ้าล้นระบบ เสี่ยงทำให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าแพงขึ้นในระยะยาว สภาผู้บริโภคเสนอให้รัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟให้ประชาชนตามที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้จะดีกว่า เพราะช่วยลดภาระค่าไฟ และเพิ่มรายได้ในครัวเรือนได้จริง

โซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ “ประชาชนไม่ได้ประโยชน์”

จี้รัฐบาล “อนุทิน” เร่ง โซลาร์รูฟประชาชน ก่อนเลือกตั้งใหม่

รสนา โตสิตระกูล ประธานอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนที่ภาครัฐผลักดันจำนวน 1,500 เมกะวัตต์ แม้จะมีชื่อว่า “ชุมชน” แต่ในความเป็นจริง ประชาชนมีส่วนร่วมเพียง 10% อีก 90% เป็นเงินลงทุนจากคนนอกพื้นที่หรือกลุ่มทุนภายนอก ส่งผลให้ผลประโยชน์ไม่ตกกลับสู่ชุมชนตามเจตนารมณ์ของนโยบาย

“ชุมชนต้องไปขออนุญาตยุ่งยาก กว่าจะเริ่มโครงการได้ก็ช้า ส่วนผลตอบแทนประชาชนได้แค่ 10% แทบไม่ได้อะไรเลย นี่ไม่ใช่การสร้างพลังงานให้ชุมชนอย่างแท้จริง” รสนากล่าว

พร้อมเสนอแนะว่า รัฐควรหันมาหนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาบ้านเรือนทั่วประเทศ โดยให้ประชาชน ผลิตไฟฟ้าใช้เอง และขายไฟส่วนเกินให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ผ่านระบบ เน็ตบิลลิ่ง (Net Billing) คือเมื่อประชาชนผลิตไฟฟ้าเหลือใช้แล้ว สามารถจำหน่ายไฟฟ้าส่วนเกินให้กับกฟภ.ได้ โดยหักลบจากค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกเดือน หรือหากเป็นไปได้ควรใช้ระบบ เน็ตมิเตอร์ริ่ง (Net Metering) ที่ประชาชนสามารถนำไฟฟ้าที่ผลิตได้มาหักลบกับจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่นำมาใช้ได้

“ถ้าประชาชนผลิตไฟได้ 150 หน่วย ใช้ไป 300 หน่วย ก็จ่ายแค่ส่วนต่าง นี่คือการลดรายจ่ายที่จับต้องได้เลย ในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่ รายได้ไม่พอ รายจ่ายเพิ่ม การให้ประชาชนผลิตไฟเองคือการสร้างรายได้ทางอ้อม และที่สำคัญนโยบายติดตั้งโซลาร์รูฟที่บ้านประชาชน เป็นนโยบายที่พรรคภูมิใจหาเสียงไว้ และควรทำให้สำเร็จใน 4 เดือนนี้ ไม่งั้นจะเป็นการย้ำว่าพูดแล้วไม่ทำ และประชาชนจะไม่เชื่อถืออีกต่อไป” รสนากล่าว

นโยบายพลังงาน ประชาชนต้องมีทางเลือก

รสนา กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ค่าไฟที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นโยบายโซลาร์รูฟภาคประชาชนคือ “คำตอบที่รัฐยังไม่ให้” ทั้งที่เป็นมาตรการที่ประชาชนได้ประโยชน์ เช่น ช่วยลดค่าไฟฟ้ารายเดือน เพิ่มรายได้หากขายไฟส่วนเกิน ลดความสูญเสียในระบบไฟฟ้า เพราะมีแหล่งผลิตอยู่ในพื้นที่ คือบ้านเรือนประชาชน ลดโอกาสไฟตกไฟดับ เนื่องจากกระจายแหล่งผลิตใกล้ผู้ใช้

“ถ้ารัฐจะเปิดให้เอกชนรายใหญ่ขายไฟให้โรงงานได้ ทำไมประชาชนถึงขายไฟให้รัฐไม่ได้? การซื้อไฟจากโซลาร์รูฟในพื้นที่จะช่วยลดการสูญเสียในระบบการส่งไฟฟ้าด้วยซ้ำ รัฐควรเปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่เปิดประตูให้แต่กลุ่มทุนรายใหญ่” รสนาย้ำ

สำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชน 2.70 บาทต่อหน่วยที่กำลังถูกผลักดัน ซึ่งมีลักษณะเอื้อให้การซื้อไฟฟ้าระหว่างกลุ่มทุนรายใหญ่ (RE Big Lot) มากกว่าประชาชนทั่วไป โดยเตือนว่า ถ้ารัฐเปิดโอกาสให้ทุนใหญ่ขายไฟฟ้าได้ตามต้องการ แต่ไม่เปิดให้ประชาชนขายไฟเลย ประชาชนจะไม่มีวันลุกขึ้นมาพึ่งตัวเองได้

สภาผู้บริโภคเตรียมยื่นข้อเสนอเร่งด่วนต่อกระทรวงพลังงานและคณะรัฐมนตรี ได้แก่

  1. เปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก โซลาร์รูฟประชาชน ในระดับพื้นที่
  2. ใช้ระบบเน็ตมิเตอร์ริ่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน
  3. ทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เอื้อทุนใหญ่
  4. จัดกลไกสนับสนุนเงินกู้–เงินสมทบสำหรับครัวเรือนรายได้น้อยที่ต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟ

“ประเทศไทยต้องให้ประชาชนเป็นเจ้าของพลังงาน ไม่ใช่มีแค่กลุ่มทุนรายใหญ่ที่ได้ประโยชน์ การเปิดทางให้ประชาชนผลิตไฟ ขายไฟ และลดค่าใช้จ่ายของตัวเอง คือการสร้างความมั่นคงทางพลังงานที่แท้จริง” รสนากล่าวทิ้งท้าย