ร้อง “ระบบต่อลงดิน” กฟน. ไม่ได้มาตรฐานสากล เสี่ยงไฟดูด – ค่าไฟพุ่ง

Getting your Trinity Audio player ready...
ร้อง “ระบบต่อลงดิน” กฟน. ไม่ได้มาตรฐานสากล เสี่ยงไฟดูด – ค่าไฟพุ่ง

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 กลุ่มผู้บริโภค ซึ่งเป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า เข้าร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภค เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหามาตรฐานระบบการต่อลงดินของการไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะกรณีอันตรายจากไฟฟ้าดูดและค่าไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ

มาตรฐานมีปัญหาเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ชาญวิทย์ ครูแก้ว

ชาญวิทย์ ครูแก้ว อดีตเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หนึ่งในผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า ปัญหาหลักเกิดจากการที่ กฟน. และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กำหนดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเชื่อมต่อ (Bonding) ระหว่างสายที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า (Neutral) หรือสายเอ็น (N) และสายดิน (Ground) ภายในตู้เมนไฟฟ้า (MDB) ภายในบ้าน ซึ่งหากสาย N เกิดหลวมหรือขาด หรือ ทำการสลับกับสายที่มีไฟฟ้า (Line) หรือสายแอล (L)  จะทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าถูกไฟฟ้าดูด เนื่องจากมีแรงดันไฟฟ้าที่โครงของอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวภายในบ้าน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น หรือตู้เย็น

กรณีดังกล่าวอาจทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 50 – 200 โวลต์ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต โดยพบกรณีผู้เสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดในห้องน้ำหลายครั้ง แม้จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ก็ตาม ขณะเดียวกันหากการเดินสายไฟผิดพลาด มีการสลับสายระหว่างสาย L กับ N  จะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงผิดปกติ โดยที่ผ่านมาพบตัวอย่างค่าไฟเพิ่มจากเดือนละ 200 – 300 บาท เป็น 3,000 – 5,000 บาท หรือสูงสุดกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบจากทั้งปัญหาไฟรั่ว ไฟดูด ค่าไฟฟ้าสูงผิดปกติ และความเสียหายจากการติดตั้งระบบดินที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้มีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย

ผู้เชี่ยวชาญชี้มาตรฐานไทยต่างจากสากล

ผศ.ขจร อินวงษ์

ผศ.ขจร อินวงษ์ ข้าราชการบำนาญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ระบุว่า มาตรฐานของไทยที่ให้เชื่อมสาย N และสายดินภายในบ้าน แตกต่างจากมาตรฐานสากล เช่นไออีซี (IEC) ซึ่งกำหนดให้เชื่อมนอกบ้านและอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของการไฟฟ้า โดยส่งสายไฟสามเส้นเข้าสู่บ้านผู้ใช้ไฟโดยตรง

นอกจากนี้ ได้เตือนว่า ตามมาตรฐานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย วสท.ระบบการต่อลงดิน ของระบบไฟฟ้าภายในอาคารของผู้ใช้ไฟ อาจจะทำให้เกิด “แรงดันไฟฟ้าไม่พึงประสงค์” เข้ามาในอาคาร ที่เรียกว่า รีโมทเอิร์ทโวลเทจ (remote earth voltage) ไปปรากฎตัวที่โครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อน ไมโครเวฟ สายดินของปลั๊กไฟ ซึ่งผู้ใช้ไฟจะถูกไฟฟ้าดูดเมื่อไปสัมผัสได้

ผศ.ขจร ได้ชี้ให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของมาตรฐานการต่อสายไฟฟ้าลงดินในประเทศไทย โดยมาตรฐานปัจจุบันกำหนดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องทำการ “บอนดิง” (Bonding) ระหว่างสาย N กับสายดิน และฝังหลักดินภายในบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ให้ดำเนินการเชื่อมต่อนอกบ้านและอยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าหรือผู้ขายไฟ เพื่อส่งสายไฟ 3 เส้น สายไฟ สายไม่มีกระแสไฟ และสายดิน (Line, Neutral และ Ground) เข้าสู่บ้านโดยตรง ระบบการต่อลงดินที่ใช้ในปัจจุบันจึงอาจทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าที่ไม่พึงประสงค์ ภายในบ้าน เพิ่มความเสี่ยงไฟดูดเมื่อตัวผู้บริโภคสัมผัสกับโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า

“ตามหลักการที่ถูกต้อง การบอนดิง (Bonding) ควรทำ นอกบ้าน และการฝังหลักดินควรเป็นความรับผิดชอบของการไฟฟ้าไม่ใช่ผู้บริโภค การบังคับให้บอนด์ภายในบ้านเท่ากับเป็นการ ‘ส่งอสรพิษ’ หรือแรงดันไฟฟ้าที่เป็นอันตราย เข้ามาในบ้านของผู้ใช้ไฟ แต่หน่วยงานกลับไม่ยอมรับและไม่ศึกษาปัญหานี้อย่างจริงจัง” ผศ.ขจร ระบุ

เสนอทบทวนมาตรฐาน

ผศ.ดร.วีระพันธ์ รังสีวิจิตรประภา

ด้าน ผศ.ดร.วีระพันธ์ รังสีวิจิตรประภา จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการนำมาตรฐานสากลมาประยุกต์ใช้ไม่ครบถ้วน จนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างหน่วยงาน และเสนอให้จัดเวทีเสวนาวิชาการร่วมกับสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ไอทริปเปิ้ลอี (IEEE: Institute of Electrical and Electronics Engineers) และนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อ “สังคายนา” มาตรฐานการปฏิบัติ (Standard Practices) ให้ชัดเจนและสอดคล้องกับหลักวิศวกรรม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

สภาผู้บริโภคเตรียม ช่วยผู้เสียหายฟ้อง

อิฐบูรณ์ อ้นวงษา

อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภครับเรื่องร้องเรียนปัญหาค่าไฟสูงและไฟฟ้าดูดหลายกรณี ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับมาตรฐานที่การไฟฟ้ากำหนดใช้เป็น “สัญญาบังคับ” กับผู้บริโภค

สำหรับเรื่องมาตรฐานการต่อลงดินของระบบไฟฟ้าที่บ้านอยู่อาศัยของการไฟฟ้า เห็นด้วยว่าควรมีวงวิชาการที่ถกเพื่อหาข้อสรุปที่แน่ชัด และหากมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคสภาผู้บริโภคมีแนวทางดำเนินการ 2 ด้าน ได้แก่ ผลักดันเชิงนโยบาย เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงมาตรฐานการต่อลงดินให้สอดคล้องกับสากล และการสนับสนุนคดีในศาล โดยใช้ข้อมูลทางวิชาการและผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคที่พบปัญหาเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า ราคาแพงเกินจริง หรือได้รับผลกระทบด้านความปลอดภัย สามารถปรึกษา ร้องเรียนกับสภาผู้บริโภคได้ที่ เบอร์ 1502 หรือเว็บไซต์ www.tcc.or.th หรือทุกช่องทางของสภาผู้บริโภค