
สภาผู้บริโภคยื่นคำร้องศาลปกครองรอบที่ 3 ขอระงับการ ประมูลคลื่น 2100 และ 2300 MH ชี้การประมูลผูกพันนาน 15 ปี เสี่ยงกระทบผลประโยชน์ชาติระยะยาว หวั่นกระทบการแข่งขันเสรีและสิทธิผู้บริโภค หลังศาลเคยชี้ว่าไม่มีเหตุเร่งด่วนพอจะไต่สวนฉุกเฉิน
หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินและทุเลาการบังคับใช้ประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลในย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ปรากฏกรณีเร่งด่วนเพียงพอที่ศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนฉุกเฉินตามคำร้องของสภาผู้บริโภคถึง 2 ครั้งนั้น


วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร ทนายความเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคได้เดินหน้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองอีกเป็นครั้งที่ 3 เพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวเพื่อระงับการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ประกอบการเพียง 2 รายเท่านั้นเข้าร่วมการประมูลจนได้สิทธิรับใบอนุญาตในการใช้คลื่นความถี่ในครั้งนี้

“การยื่นคำร้องซ้ำหลายครั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากมีการ ประมูลคลื่น ทั้ง 2 ย่าน โดยไม่ได้รับการพิจารณาอย่างรอบด้าน ซึ่งอาจผูกพันสัญญาใช้งานนานถึง 15 ปี สร้างภาระระยะยาวแก่ผู้บริโภคและประเทศ เปรียบเสมือนไฟไหม้บ้านทั้งหลังที่ยากจะเยียวยาภายหลัง” ดร.วศิน กล่าว
จากข่าวที่เผยแพร่สู่สาธารณะ แสดงให้เห็นว่าคลื่น 2100 MHz เป็นที่ต้องการของเอไอเอส (AIS) ขณะที่คลื่น 2300 MHz เป็นที่สนใจของทรู (True) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของอำนาจในตลาดสื่อสาร หากไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมประมูล ซึ่งการที่ศาลยังไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เพราะมีเพียงสองผู้ให้บริการรายใหญ่เข้าร่วม
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคไม่มีอำนาจที่จะระงับการประมูลในครั้งนี้จึงต้องมาพึ่งบารมีศาลปกครอง หากศาลปกครองยังคงใจเย็นและปล่อยให้มีการประมูลเกิดขึ้นแล้วเกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคในอนาคต ขอแจ้งให้สาธารณชนทราบว่าสภาผู้บริโภคได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วในการคุ้มครองประชาชนและผลประโยชน์ชาติ แต่ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลปกครองซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยสูงสุดของชาติได้
ในครั้งนี้ สภาผู้บริโภคยังได้ขอแก้ไขคำฟ้องให้มีความรัดกุมมากขึ้น และยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดในกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งจำหน่ายคดีที่ฟ้อง กสทช. ในข้อกล่าวหาเรื่องละเลยต่อหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค และไม่ส่งเสริมการแข่งขันอย่างเสรี ซึ่งเป็นการทำให้สภาผู้บริโภคสูญเสียสิทธิในการไกล่เกลี่ยหรือดำเนินการปกป้องประโยชน์สาธารณะต่อไป
ด้าน อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค รักษาการแทน เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ประกาศ กสทช. ที่กำหนดให้ผู้ชนะประมูลต้องมีโครงข่ายครอบคลุมในระดับตำบล เป็นเงื่อนไขที่ขัดต่อหลักการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ ตาม พ.ร.บ. กสทช. พ.ศ. 2553 และแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2567 – 2571) ซึ่งเน้นยุทธศาสตร์การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และเปิดกว้างแก่ผู้ประกอบการหน้าใหม่
นอกจากนี้ การกำหนดให้วางเงินประกันสำหรับการเข้าร่วมประมูลในแต่ละกลุ่มความถี่ และการไม่อนุญาตให้ประมูลข้ามกลุ่ม เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายย่อยหรือรายใหม่ ที่อาจมีข้อจำกัดด้านเงินทุน ส่งผลให้ตลาดโทรคมนาคมยังคงตกอยู่ในมือของผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้น
“ถ้าหากการประมูลครั้งนี้มีการวางเงื่อนไขที่ปิดกั้นผู้เล่นรายใหม่ตั้งแต่ต้น การประมูลคลื่นครั้งนี้คงไม่ใช่การประมูล แต่เป็นการประมูลคลื่นให้กับสองรายใหญ่มากกว่า” อิฐบูรณ์ กล่าว

ขณะที่ ประจวบ ทิทอง ตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภคจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค เขตบึงกุ่ม กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์อินเทอร์เน็ตล่มเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบโครงสร้างพื้นฐาน หากไม่มีการจัดการคลื่นความถี่อย่างรอบคอบ

“ใบอนุญาตที่ยาวถึง 15 ปี โดยไม่กำหนดเพดานราคาค่าบริการ ทำให้กังวลว่าในอนาคตประชาชนอาจต้องจ่ายแพ็กเกจแพงขึ้น ทั้งยังมีบริการแถมที่ไม่จำเป็น เช่น ประกัน หรือแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้จริง จึงอยากให้ศาลมองเห็นว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่กระทบผู้บริโภคในระยะยาว” ประจวบ กล่าว
ข่าวผู้บริโภค
ลุ้นศาลฯ คุ้มครองชั่วคราว ประมูลคลื่นผิด กม. บีบผู้บริโภคไร้ทางเลือก
ร้องศาลปกครองขอไต่สวนฉุกเฉิน หวั่นประมูลคลื่นผูกขาด
ชมคลิปถ่ายทอดสดย้อนหลังได้ที่ : LIVE! ยื่นฟ้องศาลปกครอง ขอไต่สวนฉุกเฉินอีกรอบ ก่อนประมูลคลื่น 29 มิ.ย. เหตุเงื่อนไขไม่เป็นธรรม ปิดทางรายใหม่เข้าร่วมประมูล