
สภาผู้บริโภคเตือนผู้ประกอบการอาหารในไทย ต้องแสดงฉลากภาษาไทยอย่างครบถ้วนตามกฎหมาย หลังพบหลายผลิตภัณฑ์ไม่มีฉลากหรือแสดงไม่ถูกต้อง เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ย้ำสิทธิผู้บริโภคในการเข้าถึงข้อมูลปลอดภัยต้องมาก่อน
จากกรณีที่มีผู้บริโภคแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่วางจำหน่ายโดยไม่มีฉลากภาษาไทย หรือแสดงฉลากไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดของกฎหมาย
วันนี้ (21 มิถุนายน 2568) โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ออกมาเรียกร้องให้ผู้ประกอบการทุกรายปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมเน้นว่า ฉลากอาหารไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคในการรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการเลือกซื้อและบริโภคสินค้าอย่างปลอดภัย ผู้ประกอบธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการแสดงฉลากสินค้า เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะผลิตในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคได้รับการร้องเรียนในหลายกรณีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีฉลากภาษาไทย ทั้งอาหารนำเข้าและอาหารที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยอาหารและการคุ้มครองผู้บริโภค โดยกรณีล่าสุดคือผลิตภัณฑ์ขนมที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่พบเลขสารบบอาหาร หรือเลขทะเบียนฉลากอาหารที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ส่งหนังสือถึงบริษัทผู้จัดจำหน่ายเพื่อขอคำชี้แจงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และขอให้ อย. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย
“อาหารที่จำหน่ายในประเทศไทย ไม่ว่าจะผลิตในประเทศหรือนำเข้า ต้องมีฉลากภาษาไทยที่ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย โดยสามารถแสดงภาษาต่างประเทศควบคู่ไปกับภาษาไทยได้ แต่ข้อมูลภาษาไทยต้องมีความชัดเจน อ่านง่าย และให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่จะบริโภคเข้าไป ฉลากไม่ใช่แค่หน้าตาของสินค้า แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค และสะท้อนความโปร่งใสของผู้ประกอบการ” นายโสภณ ระบุ
ทั้งนี้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ. 2557 เรื่องการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ กำหนดให้ฉลากอาหารต้องมีข้อความภาษาไทยอย่างชัดเจน โดยต้องแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบ วัตถุเจือปน ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร วันหมดอายุ และราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคทราบรายละเอียดครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ
ขณะเดียวกัน พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 6 (10) กำหนดว่าการจำหน่ายอาหารโดยไม่มีฉลากภาษาไทย หรือฉลากไม่ถูกต้อง ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย มาตรา 50 มีโทษปรับสูงสุดถึง 30,000 บาท และหากเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมฉลากตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 52 ผู้กระทำผิดอาจมีโทษสูงสุดถึงจำคุกถึง 6 เดือน หรือปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
ฉลากอาหารไม่มีภาษาไทย ผิดกฎหมาย! ผู้บริโภคร้องเรียนได้
สภาผู้บริโภคหนุนปราบอาหารไม่มีฉลากภาษาไทย ออกจากร้านค้าเพื่อสุขภาพผู้บริโภค
โสภณ กล่าวย้ำว่า ฉลากอาหารไม่เพียงเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือแพ้อาหาร พร้อมขอความร่วมมือจากผู้บริโภคร่วมกันสอดส่อง แจ้งเบาะแสหากพบสินค้าที่ไม่มีฉลากภาษาไทย หรือมีข้อมูลไม่ครบถ้วน สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ผ่านสายด่วน อย. โทร. 1556 หรือสภาผู้บริโภค โทร. 1502 รวมถึงร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ ที่นี่
“การแสดงฉลากอย่างครบถ้วนคือหลักการพื้นฐานของการเคารพสิทธิผู้บริโภค และสะท้อนถึงความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในสังคมไทย” โสภณ กล่าวทิ้งท้าย