Getting your Trinity Audio player ready... |

เหตุการณ์ ‘ไฟไหม้คอนโด’ แห่งหนึ่งตรงข้ามห้างพาต้า ปิ่นเกล้า กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สังคมไทยต้องตั้งคำถามอีกครั้ง ถึงมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูงในกทม. อนุกรรมการฯ สภาผู้บริโภคยื่นกทม.เร่งสอบ 50 อาคารสูงไม่ได้มาตรฐาน
เหตุการณ์ ไฟไหม้คอนโด ย่านปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กลายเป็นโศกนาฎกรรมอีกครั้ง เมื่อต้องสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่ง ที่ต้องเสียชีวิตจากการ “สำลักควันไฟ” ขณะหนีออกทางบันไดหนีไฟในอาคารที่มีระบบความปลอดภัยครบถ้วน แต่กลับไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบ ที่สำคัญมีอาคารสูงที่ไม่ได้มาตรฐานอีกอย่างน้อย 50 แห่ง ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อาศัยและชุมชนรอบข้างที่รอการตรวจสอบ
ยื่นกทม.สอบ 50 อาคารสูง

ก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ให้ตรวจสอบอาคารสูงเพิ่มเติมอีก 50 แห่งทั่วกรุงเทพฯ หลังจากก่อนหน้านี้เคยยื่นตรวจสอบไปแล้ว 38 แห่ง หลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคม 2568 จากการสำรวจของสภาผู้บริโภคพบว่ามีอาคารสูงจำนวนมากในกทม.ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย และชุมชนรอบข้าง โดยเฉพาะประเด็นถนนรอบโครงการต้องมีความกว้าง 6 เมตร เพื่อให้รถดับเพลิงสามารถเข้าไปได้เมื่อเกิดอัคคีภัย
กรณีล่าสุดไฟไหม้คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านปิ่นเกล้า จนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตในครั้งนี้ว่าเกิดจากอะไร แต่สิ่งที่น่าสังเกต จากภาพที่เห็นในการเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องจอดรถดับเพลิงอยู่นอกเขตพื้นที่อาคารในที่ดินแปลงอื่น มาจากการที่ถนนรอบอาคารไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
“ถึงเวลาที่กทม.ต้องดำเนินการตรวจสอบอาคารสูงที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างอย่างจริงจัง และแก้ไขให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ทุกเรื่องสามารถแก้ไขได้หมด ถ้าจะแก้ ถ้าเจ้าของอาคารไม่แก้ไข ก็ต้องลงโทษอย่างจริงจัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้อยู่อาศัย อย่ารอให้เกิดศพต่อไป ผู้บริโภคต้องตระหนักถึงสิทธิของตัวเองและลุกขึ้นมาตรวจสอบ ร้องเรียน ถ้านิติไม่ดำเนินการแก้ไข ก็ต้องแจ้งความ” ก้องศักดิ์ กล่าว
กรณีดังกล่าวสะท้อนปัญหาใหญ่ที่ถูกมองข้ามมานานในอาคารสูงทั่วกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องการละเลยตรวจสอบระบบป้องกันไฟ การขวางประตูหนีไฟเพื่อความสะดวก และการออกแบบพื้นที่ที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดความปลอดภัยของกฎหมายอาคาร
ต้นตอปัญหา คือการทุจริต
สภาผู้บริโภค ได้เปิดเผยผลสำรวจในเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า มีอาคารสูงอย่างน้อย 37 แห่งในกรุงเทพฯ ที่เข้าข่ายก่อสร้างไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น ถนนรอบโครงการกว้างไม่ถึง 6 เมตร การเว้นระยะร่นอาคารไม่ถูกต้อง กีดขวางทางสาธารณะ ระบบป้องกันอัคคีภัยไม่ได้รับการตรวจเช็กตามรอบ และหลายกรณีโยงถึงข้อสงสัยเรื่อง “การทุจริตในการออกใบอนุญาตก่อสร้าง” และการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐ
ปัจจุบัน ในกทม. มีอาคารสูงแทรกอยู่ตามชุมชนจำนวนมาก และไม่เป็นระเบียบ ซึ่งสภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการก่อสร้างไม่ถูกต้อง การก่อสร้างที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมถึงอาคารสูงจำนวนมากเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างชัดเจน มีต้นตอปัญหาเดียวกัน คือการทุจริตในกระบวนการก่อสร้างทั้งระบบ ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง การตรวจสอบ
“ปัญหาความปลอดภัยอาคารสูงในกทม. เกิดจากผู้ปฏิบัติงานในวงจรการก่อสร้างทั้งหมด เป็นต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหา และสุดท้ายทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ที่ต้องพูดวันนี้เพื่อไม่ให้มีการตายเกิดขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันตรวจสอบ ตรงไหนที่ผิดกฎหมายก็อย่าทำ” ก้องศักดิ์ กล่าว
ยกเครื่องการตรวจสอบทั้งระบบ
กรณีล่าสุดเหตุ ไฟไหม้คอนโด ย่านปิ่นเกล้า โพสต์ของเพจ “ประชาคมแพทย์” ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ครั้งนี้ ว่า แม้ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm) และพัดลมอัดอากาศ (Pressurized Fan) จะทำงานตามหน้าที่ แต่สาเหตุที่ระบบล้มเหลวอาจมาจาก “ประตูหนีไฟที่มีคนเปิดค้างไว้” ทำให้ควันไฟไหลย้อนเข้ามาในช่องบันไดหนีไฟ จากทางหนีชีวิต กลายเป็น “ปล่องควันมรณะ”
สำหรับสาเหตุของผู้เสียชีวิตจากเพลิงไหม้ มากกว่า 90% เกิดจากการขาดอากาศหายใจ แต่สำหรับการเสียชีวิตของคุณหมอท่านนี้ ยังต้องรอการสอบสวนหาสาเหตุที่แน่นอนต่อไปว่าการขาดอากาศหายใจ เป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตใช่หรือไม่ และเกิดที่ใด ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญในการวางแนวทางการป้องกันต่อไป
เพจประชาคมแพทย์เสนอ 4 แนวทางการแก้ปัญหาในเชิงนโยบาย เพื่อไม่ให้ “บันไดหนีไฟ” กลายเป็น “ทางตันของชีวิต” ดังนี้
1. ตรวจสอบระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Proactive Audit) บังคับให้อาคารสูงทุกแห่งต้องตรวจสอบระบบพัดลมอัดอากาศ ประตูหนีไฟ และระบบแจ้งเตือนไฟไหม้ ทุก 6 เดือนและเผยแพร่ผลตรวจสอบบนเว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้
2. เพิ่มโทษผู้ละเลยหน้าที่ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หากนิติบุคคล หรือผู้จัดการอาคารละเลยการดูแลระบบป้องกันอัคคีภัยจนเกิดความเสียหายแก่ชีวิตให้ถือว่าเป็น “การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
3. สร้างช่องทางร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ (FireCheck Platform) จัดตั้งระบบร้องเรียนออนไลน์สำหรับประชาชน แจ้ง “ประตูหนีไฟเปิดค้าง” หรือ “ระบบอัดอากาศไม่ทำงาน” ได้โดยตรง มีทีมตรวจสอบเฉพาะกิจในแต่ละเขต เพื่อเข้าตรวจภายใน 48 ชั่วโมง
4. รวมข้อมูลระบบหนีไฟไว้ในทะเบียนกลางอาคาร (Building Safety Registry) โดยให้หน่วยงานท้องถิ่นบันทึกข้อมูลระบบความปลอดภัยของอาคารทุกแห่ง และเปิดให้ตรวจสอบผ่านคิวอาร์ โค้ด บริเวณทางเข้าอาคาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไฟไหม้คอนโดชั้น 16 ตรงข้ามห้างดังย่านปิ่นเกล้า จนท. เร่งอพยพประชาชน
เรียกร้อง ”ชัชชาติ” ตรวจความปลอดภัย อาคารสูง 50 เขต ใน 30 วัน