Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคหนุนรัฐเดินหน้ามาตรการด้านภาษี ส่งเสริม ติดโซลาร์ บนหลังคาบ้าน เพิ่มโอกาสประชาชนพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน พร้อมเสนอ 6 แนวทางเร่งด่วน ผลักดันพลังงานหมุนเวียนเป็นทางเลือกหลักเพื่อลดภาระค่าไฟอย่างยั่งยืน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เสนอมาตรการภาษีจูงใจผู้ประกอบการและภาคครัวเรือนลงทุนลดภาระค่าไฟ ด้วยการส่งเสริมการลงทุนและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในบ้านอยู่อาศัย โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 200,000 บาท นั้น

วันที่ 27 มิถุนายน 2568 พชร แกล้วกล้า ผู้ช่วยเลขาธิการคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคเห็นด้วยกับหลักการดังกล่าวของรัฐบาล เพราะเป็นการสนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน และเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการมาตั้งนานแล้ว เพราะแนวคิดเรื่องภาษีโซลาร์สภาผู้บริโภคได้เสนอแนวคิดต่อรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2566 จึงเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดเป็นมาตรการที่ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
“คืนภาษี 200,000 ถือว่าไม่น้อย เพราะปกติการ ติดโซลาร์ หากเป็นขนาด 5 กิโลวัตต์ ราคาตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ปลาย ๆ ถึง 200,000 บาท ก็เท่ากับว่าไม่ต้องเสียค่าติดตั้ง แต่ก็ต้องรอดูรายละเอียดของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งว่า การลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาทนั้นมีเงื่อนไขอย่างไร และเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในภาคครัวเรือนหรือไม่” พชร แสดงความเห็น
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยเลขาธิการคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะฯ ย้ำว่า ปัญหาในเรื่องพลังงานที่ผ่านมาคือรัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคครัวเรือน ดังนั้น นอกจากมาตรการทางภาษีแล้ว รัฐบาลควรออกนโยบายหรือมาตรการอื่นเพื่อลดอุปสรรคต่างในการติดโซลาร์ โดยมี 6 ข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อดำเนินการดังนี้
- เร่งประกาศนโยบายเน็ตมิเตอร์ริง (Net Metering) ในภาคครัวเรือน เพราะการคำนวณค่าไฟฟ้าแบบหักลบกลบหน่วย หรือเน็ตมิเตอร์ริง เป็นระบบที่จะทำให้ประชาชนสามารถฝากไฟฟ้าส่วนเกินไว้ และดึงกลับมาใช้งานในช่วงเวลาที่ไม่มีการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา นั่นแปลว่า หน่วยของไฟฟ้าที่ส่งออกและนำเข้าจะถูกหักกลบลบจนเหลือยอดสุทธิในปลายเดือน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ประโยชน์สูงสุดจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้ทันที
- เปิดเสรีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาแบบเน็ตบิลลิง (Net Billing) สำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และภาคอุตสาหกรรม โดยไม่มีการกำหนดโควต้ากำลังการผลิตและระยะเวลาการรับซื้อ
- ออกนโยบายเพื่อขจัดอุปสรรค และลดต้นทุนในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ของผู้บริโภค เช่น ยกเลิกการบังคับติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าไหลย้อนกลับของภาคครัวเรือน เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่แล้ว ซึ่งบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถขายไฟกลับเข้าสายส่งให้กับการไฟฟ้าได้ เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าการส่งไฟฟ้าย้อนกลับเข้าส่งไม่ได้กระทบหรือผลเสียต่อการไฟฟ้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าไหลย้อนกลับ จะช่วยลดต้นทุนของผู้บริโภคในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลงได้
- ทบทวน “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. ….” เนื่องจากเนื้อหาในกฎหมายฉบับดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งโซลาร์เซลล์ของภาคประชาชน เช่น เรื่องการกำหนดว่าประชาชนไม่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่รัฐก่อนติดตั้งโซลาร์เซลล์ แต่ต้องจดแจ้งว่าจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์โดยต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รัฐทราบล่างหน้าอย่างน้อย 30 วัน เป็นต้น
- แก้กฎกระทรวง ฉบับที่ 65 (พ.ศ. 2558) ให้การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ไม่ต้องใช้วิศวกรโยธาตรวจสอบรับรองความมั่นคงแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคติดตั้ง ลดค่าไฟฟ้า ผู้บริโภคเข้าถึงความยั่งยืนด้านพลังงานได้มากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 สภาผู้บริโภคได้ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 65 (พ.ศ.2558) และเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือตอบกลับมายังสภาผู้บริโภคว่า คณะกรรมการควบคุมอาคาร ได้เห็นชอบการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน หรือโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ของอาคาร ไม่ต้องยื่นขออนุญาตและไม่ต้องมีผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงที่กระทำและรับรองโดยวิศวกรโยธา เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติที่อาจสร้างภาระเกินความจำเป็นให้แก่ผู้บริโภค และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความคืบหน้าเพิ่มเติม
- กำหนดโควตาของการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากภาคครัวเรือนที่ชัดเจน เพื่อเป็นกรอบในการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้เกิดการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน เนื่องจากปัจจุบันตามข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พบว่า สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในระบบของ กฟผ. มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 13,101.54 จิกะวัตต์ (GW) หรือ 13,101 ,540 เมกะวัตต์ (MW) คิดเป็น18.99 % แต่โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนของรัฐบาลนั้นตั้งเพดานอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ เท่านั้น ซึ่งไม่ถึง 1% ของจำนวนการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนไทยเฮ ! ครม.ไฟเขียว ‘ติดโซลาร์บ้าน’ ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 2 แสนบาท
ปลดล็อกติดโซลาร์ น้อยกว่า 20 กก./ตร.ม. ทำได้โดยไม่ต้องมีวิศวกรรับรอง