| Getting your Trinity Audio player ready... |

อุบัติเหตุซ้ำซาก ช่วงปีใหม่ ตอกย้ำปัญหาเชิงระบบของรถโดยสารสาธารณะ สภาผู้บริโภคเรียกร้องรัฐใช้มาตรการเชิงรุก แก้ปัญหาความปลอดภัยเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรม
จากกรณีอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้ออย่างรุนแรง เมื่อเช้ามืดของวันที่ 26 ธันวาคม บนถนนเพชรเกษมขาเข้า กรุงเทพมหานคร ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ส่งผลให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนกระเด็นทะลุกระจกออกนอกรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกและตั้งคำถามต่อความปลอดภัยของการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่
อุบัติเหตุซ้ำซาก สะท้อนปัญหาเชิงระบบ

วันที่ 28 ธันวาคม 2568 คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค ให้ความเห็นว่า อุบัติเหตุรถทัวร์ชนท้ายรถบรรทุกที่อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ 2569 ครั้งนี้ ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงความประมาทของพนักงานขับรถเพียงรายเดียว แต่เป็นภาพสะท้อนของปัญหาเชิงระบบในการบริหารจัดการความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะในปัจจุบัน
โดยเฉพาะการเดินรถระยะทางไกลข้ามคืนที่ต้องใช้เวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออาการอ่อนล้าและการหลับในของผู้ขับขี่ และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นภายใต้ภาวะการขับขี่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน สอดคล้องกับสถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 พบว่า มีอุบัติเหตุรถโดยสารเกิดขึ้น 38 ครั้ง หรือเฉลี่ยวันละ 7 ครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 สะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางช่วงเทศกาลยังคงเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงอย่างมีนัยสำคัญ
คงศักดิ์ ระบุว่า หากพิจารณาเหตุการณ์นี้ในเชิงโครงสร้าง จะพบปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ คน รถ และระบบ ในส่วนของพนักงานขับรถ ลักษณะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเข้าข่ายความเสี่ยงจากอาการวูบหรือหลับใน ซึ่งนำไปสู่คำถามสำคัญว่า รถโดยสารคันดังกล่าวมีพนักงานขับรถกี่คน คนขับเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลาใด ขับรถต่อเนื่องมาแล้วกี่ชั่วโมง และได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน การที่มีผู้โดยสารกระเด็นออกนอกรถผ่านกระจก นอกจากจะเกิดจากแรงปะทะของการชนแล้ว ยังสะท้อนปัญหาการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือการไม่มีเข็มขัดนิรภัยที่มีคุณภาพเพียงพอให้ผู้โดยสารใช้งาน แสดงให้เห็นว่าการบังคับใช้มาตรการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถโดยสารยังไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติของผู้ประกอบการและหน่วยงานรัฐ ซึ่งการไม่มีระบบแจ้งเตือนหรือควบคุมให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัด เท่ากับปล่อยให้ความเสี่ยงด้านการบาดเจ็บรุนแรงดำรงอยู่ตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ ยังพบว่าระบบบริหารจัดการและการกำกับดูแลของภาครัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แม้จะมีกฎระเบียบด้านความปลอดภัย รวมถึงข้อมูลสถิติอุบัติเหตุและเส้นทางเสี่ยงอยู่ในระบบ แต่การตรวจสอบจริงบนท้องถนนยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะประเด็นชั่วโมงการขับขี่ ความอ่อนล้าของพนักงานขับรถ และความพร้อมด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร การนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้กำกับเชิงรุก เช่น การตรวจเข้มเที่ยวกลางคืนหรือเส้นทางระยะไกลที่ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ ส่งผลให้ความเสี่ยงยังคงถูกปล่อยผ่านและอาจนำไปสู่อุบัติเหตุซ้ำซาก
สภาผู้บริโภคเห็นว่า การป้องกันอุบัติเหตุรถโดยสารควรเน้นทำให้มาตรการด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ถูกนำไปใช้จริง โดยเฉพาะการนำข้อมูลจากระบบติดตามรถและข้อมูลชั่วโมงการขับขี่มาใช้คัดกรองเที่ยวรถที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พร้อมเพิ่มการตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยมุ่งกำกับคุณภาพพนักงานขับรถ การจัดการชั่วโมงการขับขี่ และการลดความเสี่ยงในการเดินรถระยะไกล รวมถึงความปลอดภัยของรถโดยสารสองชั้น ซึ่งยังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความกังวลอย่างต่อเนื่อง
“ที่สำคัญในมุมของผู้บริโภคควรสามารถเข้าถึงข้อมูลรถโดยสารได้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ง่าย เช่น การตรวจสอบเลขทะเบียนรถผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อทราบอายุการใช้งาน ประวัติการตรวจสภาพรถประจำปี รวมถึงสถานะประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และเป็นกลไกสำคัญในการลดอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างเป็นรูปธรรม” คงศักดิ์ ระบุ
เสียหายจากอุบัติเหตุ ต้องได้รับการเยียวยา
สำหรับผู้บริโภคที่บาดเจ็บ หรือได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ มีสิทธิเรียกร้องความเสียหายได้ ดังนี้
ส่วนที่ 1 การเรียกค่าสินไหม ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
1. ค่ารักษาพยาบาล จ่ายตามจริง ให้โรงพยาบาล ไม่เกิน 80,000 บาท
2. ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต 500,000 บาท/คน
3. สูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพถาวร ไม่เกิน 200,000 – 500,000 บาท/คน
4. ค่าชดเชยรายวัน จ่ายให้ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
ส่วนที่ 2 การเรียกค่าเสียหายกับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ค่ารักษาพยาบาล ส่วนที่เกินวงเงินของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
(สำหรับกรณีเสียชีวิต ขั้นต่ำรายละ 500,000 บาท) **รายละเอียดขึ้นกับกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทที่ทำเอาไว้
1. ค่าทนทุกข์ทรมาน จากการบาดเจ็บ
2. ทรัพย์สินที่เสียหาย หรือสูญหายในขณะเกิดอุบัติเหตุ
3. ค่าเสียหายอื่น ๆ เช่น ค่าขาดโอกาสในการทำงาน ค่าขาดไร้อุปการะ -ค่าขาดรายได้ เป็นต้น
‘ตั๋วผี’ ปัญหาใหญ่ช่วงเทศกาล
นอกจากเรื่องคน รถ ถนนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่พบมากในช่วงเทศการคือ “ตั๋วปลอม” หรือ “ตั๋วผี” ที่ทำให้ผู้บริโภคบางรายเสียเงินแต่ไม่ได้เดินทางหรือตกอยู่ในอันตรายจากรถตู้เถื่อน (รถตู้ผี) ซึ่งไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย
ดังนั้น แนะนำให้ซื้อตั๋วจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว หรือแอปฯ ของบริษัทขนส่งโดยตรง และอย่ายอมให้ผู้ประกอบการละเมิดสิทธิด้วยการให้นั่งเก้าอี้เสริมเมื่อรถเต็ม หากพบการกระทำในลักษณะดังกล่าวสามารถร้องเรียนไปที่กรมการขนส่งทางบกได้ที่เบอร์ 1584 ผู้ประกอบการจะมีความผิดโดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยในการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ กำหนดโทษของการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
หากผู้บริโภคท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีซื้อตั๋วปลอมบนออนไลน์ดังกล่าว สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่หรือแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.thหรือแจ้งเบาะแสมายังสภาผู้บริโภคได้ www.tcc.or.th หรือโทรเบอร์ 1502 (วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 17.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
6 เช็กลิสต์ ปลอดภัยจาก / ห่างไกล ‘รถตู้ผี’
ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถสารสาธารณะ อย่าเซ็นรับเงินเยียวยา ถ้ายังไม่ได้ทำตาม 4 ข้อนี้
เช็กเลย! สิทธิที่ต้องได้ทันที เมื่อบาดเจ็บ – เสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดยรถสาธารณะ
รถทัวร์โดยสาร เสยท้าย 10 ล้อ บาดเจ็บกว่า10ราย ชนกันยับอีก6คัน



