Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคส่งหนังสือถึง ผู้ว่าฯ กทม. – ผอ.เขตปทุมวัน เร่งรัดกระบวนการรื้อถอน “ดิเอทัส” พร้อมเดินหน้าฟ้องคดีหากไม่ตอบกลับภายใน 15 วัน
หลังจากเดือนพฤศจิกายน 2567 สภาผู้บริโภคได้ส่งรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค ถึงผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ในกรณีคดีรื้อถอนโครงการ “ดิเอทัส” (The Aetas) อาคารสูงในซอยร่วมฤดี ไปยังผู้ว่ากทม. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตปทุมวัน และเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ นั้น

วันที่ 20 สิงหาคม 2568 พรพรหม โอกุชิ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า หลังจากที่สภาผู้บริโภคได้ส่งรายงานละเลยการกระทำฯไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานศาลปกครองได้มีหนังสือตอบกลับมายังสภาผู้บริโภคว่ากทม.อยู่ระหว่างจัดทำบัญชีทรัพย์สินภายในอาคาร จึงยังไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ ในขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. และผอ.สำนักงานเขตปทุมวันไม่ได้มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในเวทีถอดบทเรียน “10 ปี The Aetas กับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด” ที่สภาผู้บริโภคจัดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ตัวแทนจากกทม. ได้ให้ข้อมูลว่าอยู่ระหว่างทำบัญชีทรัพย์สิน และคาดว่าจะเข้าดำเนินการได้ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2568 แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น สภาผู้บริโภคจึงได้ส่งหนังสือ “ติดตามผลการดำเนินงาน กรณีรื้อถอนอาคารผิดกฎหมายในซอยร่วมฤดี” ถึงผู้ว่าฯ กทม. และผอ.สำนักงานเขตปทุมวันอีกครั้ง เพื่อให้ชี้แจงว่าเหตุใดจึงยังไม่มีการดำเนินการรื้อถอนอาคารดังกล่าว และกำหนดให้ผู้ว่าฯ กทม. และผอ.สำนักงานเขตปทุมวัน ต้องตอบกลับภายใน 15 วัน หากยังไม่มีตอบกลับ หรือดำเนินการใด สภาผู้บริโภคจะอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562 ในการดำเนินการทางคดีต่อไป
“กทม.ควรดำเนินการรื้อถอนอาคารพิพาทดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากการไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลมานานกว่า 10 ปี ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย การที่กทม. ในฐานะหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามคำสั่งศาล จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเคารพในหลักนิติธรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่ากระบวนการยุติธรรมสามารถบังคับใช้ได้อย่างแท้จริง เพราะกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าสุดท้ายก็คือความไม่ยุติธรรม” พรพรหมระบุ
ที่ผ่านมามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้มีการติดตามการบังคับคดี กรณีการรื้อถอนอาคาร The Aetas อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังไม่มีการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นเรื่องที่มีคำพิพากษามากว่า 10 ปี และผ่านผู้ว่าราชการมากว่า 3 สมัย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงได้ประสานงานมาที่สภาองค์กรของผู้บริโภค เมื่อช่วงปลายปี 2567 เพื่อให้สภาผู้บริโภค จัดทำรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันมีผลกระทบต่อสิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภคจึงอาศัยอำนาจมาตรา 14 (3) แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคส่งรายงานการกระทำไปยัง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผอ.สำนักงานเขตปทุมวัน และเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน 2567
และเมื่อช่วงเดือน มกราคม 2568 ได้มีการจัดเวทีถอดบทเรียน “10 ปี The Aetas กับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด” และได้เชิญผู้เสียหาย และหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล โดยที่ปรึกษาสำนักงานศาลปกครองให้ข้อมูลว่า กรุงเทพมหานคร มีอำนาจเต็มตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารในการเข้ารื้อถอนอาคาร และไม่จำเป็นต้องทำเรื่องสอบถามไปยังสำนักงานศาลปกครองแล้ว สามารถดำเนินการได้ทันที ด้านกรุงเทพมหานครให้ข้อมูลว่าอยู่ระหว่างทำบัญชีทรัพย์สิน และคาดว่าจะเข้าดำเนินการได้ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2568 แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการใดกับอาคารพิพาทดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10 ปี คดีดิเอทัส ร่วมฤดี อาคารสูงผิดกฎหมาย ยังยืนท้าทายคำพิพากษา
เร่ง กทม. ทุบดิเอทัส หลังยืดเยื้อ 10 ปี ย้ำกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์